บทความนี้ต่อจากบทความเรื่อง ในหลวงพระโพธิสัตว์รัชกาลที่ 9 เสด็จสู่ดุสิตมหาสวรรค์
คือเมื่อวันก่อนผมดูสารคดีช่อง 11 แล้วได้รับรู้เรื่องราวที่น่าประทับใจอีกครั้ง ตามรูปนี้ครับ
รูปนี้คือ ในหลวง ร.9 ทรงเสด็จฯ เปิดตึกมหิดลวงศานุสรณ์ ในสภากาชาดไทย เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2496
ตึกนี้คือตึกที่ใช้สำหรับผลิตวัคซีนบีซีจี เพื่อป้องกันโรควัณโรค ซึ่งในหลวง ร.9 ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ 5 แสนบาทในการสร้างตึกนี้ และเพื่อดำเนินการผลิตวัคซีนบีซีจี จะได้ไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาแพง
ซึ่งเมื่อประเทศไทยได้ผลิตวัคซีนบีซีจีได้แล้ว ยูนิเซฟ ยังได้สั่งซื้อวัคซีนที่ผลิตจากไทยไปช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ ในเอเซียอีกด้วย
ก่อนหน้าในหลวงทรงถามนายแพทย์ซึ่งน่าจะเป็นแพทย์ส่วนพระองค์ (คือผมฟังสารคดีแล้วจำชื่อนายแพทย์ท่านนี้ไม่ได้) ทรงถามว่า ปัจจุบันนี้มีวิธีป้องกันโรควัณโรคแล้วรึยัง?
นายแพทย์ท่านนี้ก็ตอบในหลวงว่า มีวัคซีนป้องกันวัณโรคแล้ว แต่ยังมีราคาแพง เพราะต้องซื้อจากต่างประเทศ
ผมดูสารคดีนี้แล้วน้ำตาซึมเลย เพราะผมเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้
เพราะในบทความก่อน ผมเพิ่งเขียนเรื่องที่ในหลวงทรงช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเรื้อนโดยไม่ทรงรังเกียจ ถึงขนาดที่ทั้งในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าฯ กล้าที่จะสัมผัสเนื้อตัวของผู้ป่วย
นี่คือจิตแห่งความเมตตา เฉกเช่น พระโพธิสัตว์ ของในหลวง
และไม่ใช่แค่ วัคซีนบีซีจีเท่านั้น แม้แต่โรคโปลิโอ ซึ่งในอดีตเคยระบาดมากในประเทศไทย
ในหลวงก็ทรงพระราชทานทุนประเดิมในการจัดตั้งทุน "โปลิโอ สงเคราะห์" อีกด้วย เพื่อรักษาและป้องกันโรคโปลิโอ ในพ.ศ.2495
หรือแม้แต่การระบาดของโรคอหิวาตกโรคอย่างรุนแรงในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.2501 ในหลวงทรงพระราชทุนประเดิมเพื่อก่อตั้งทุนปราบอหิวาตกโรค จนมีประชาชนอีกมากมายร่วมบริจาคทรัพย์เพื่อการนี้เช่นกัน
หรือแม้แต่ภาวะขาดสารไอโอดีนในประเทศไทย เหตุเพราะในหลวงทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่าง ทรงพบว่ามีคนไทยจำนวนมากที่เกิดภาวะขาดไอโอดีน ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ
ถ้าเด็กขาดสารไอโอดีนก็จะมีสติปัญญาต่ำหรือไอคิวต่ำ ถ้าสตรีมีครรภ์ขาดสารไอโอดีน ก็จะทำให้ทารกแรกเกิดขาดสารไอโอดีน จนเป็นโรคที่เรียกว่า โรคเอ๋อ ซึ่งจากการขาดสารไอโอดีน ส่วนในผู้ใหญ่ก็จะมีอาการคอหอยพอก เป็นต้น
ในหลวง ร.9 จึงทรงริเริ่มนำร่องการผลิตเกลือเสริมไอโอดีน สนับสนุนการศึกษาวิจัยและพัฒนาเครื่องผลิตเกลือผสมไอโอดีน และการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับภาวะการขาดสารไอโอดีน
ซึ่งต่อมา เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2540 สภานานาชาติ เพื่อการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน (International Council For Iodine Deficiency Disorder : ICCIDD) ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัลเหรียญทองสดุดีเกียรติคุณแด่พระองค์ เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นผู้นำ ผู้บุกเบิก และดำเนินงานด้านโครงการควบคุมปัญหาการขาดสารไอโอดีนในประเทศไทยจนเป็นที่ประจักษ์แก่ประชาคมโลก
ดังนั้น คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติให้วันที่ 25 มิ.ย.ของทุกปี เป็นวันไอโอดีนแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้ทุกครัวเรือนได้บริโภคเกลือเสริมไอโอดีนอย่างต่อเนื่อง สร้างเสริมปัญญาของคนในชาติ (ที่มาเรื่องไอโอดีน https://goo.gl/0i8UMu)
แต่กว่าประชาชนในถิ่นห่างไกลจะยอมเชื่อเรื่องการบริโภคเกลือผสมไอโอดีนได้นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะเมื่อข้าราชการนำเกลือผสมไอโอดีนไปแจกและเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน
ประชาชนกลับไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ข้าราชการแนะนำ เพราะในอดีตประชาชนไม่ค่อยไว้ใจข้าราชการไทยเท่าที่ควร เนื่องจากข้าราชการในอดีตมักทำตัวเป็นเจ้านายของประชาชน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในหลวงและสมเด็จพระนางเจ้าฯ จึงต้องทรงเสด็จไปแจกเกลือผสมไอโอดีนในถิ่นทุรกันดารด้วยพระองค์เอง ราษฎรจึงจะยอมบริโภคเกลือผสมไอโอดีน เพราะคนไทยเชื่อพระทัยของในหลวง
-----------------------
วิถีพระโพธิสัตว์
จากที่ผมเล่ามา แสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระเมตตาต่อพสกนิกรของพระองค์ ในด้านการสาธารณสุข
มาคิด ๆ ดู ทำไมในหลวงจึงทรงเป็นผู้ริเริ่มการป้องกันรักษาโรคหลายโรค
ทำไมไม่เป็นรัฐบาลไทยที่ควรจะตระหนักเรื่องนี้แล้วริเริ่มโครงการเหล่านี้นะ
อ้อ รัฐบาลไทยทุกยุคทุกสมัยมัวแต่สนใจแต่การเพิ่มจีดีพีให้ประเทศไง
---------------------
ในหลวงทรงแก้ปัญหาหมู่บ้านขอทาน
ตอนผมเด็ก ๆ นสพ.ลงข่าวเคยพาดหัวข่าวหน้า 1 พบว่ามีหมู่บ้านขอทาน ในสกลนคร ที่คนทั้งหมู่บ้านทำอาชีพขอทาน
หลังจากในหลวงทรงทราบข่าวนี้ พระองค์จึงเสด็จพระราชดำเนินไปที่หมู่บ้านขอทานในช่วงเวลาไม่นาน เพื่อให้ทรงคลายสงสัยว่า ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับคนในหมู่บ้านนี้ที่ต้องทำอาชีพขอทาน
ในหลวงทรงพบว่า หมู่บ้านนี้ดินก็ไม่ดี พื้นที่แห้งแล้งมาก จนเพาะปลููกอะไรก็แทบไม่ได้ ชาวบ้านเลยหันมาทำอาชีพขอทานกันหมด
ในหลวงทรงเข้าไปแก้ปัญหาทั้งดินและน้ำให้พวกเขาเพื่อจะได้ทำการเกษตรได้พอมีพอกิน จนกระทั่งทุกวันนี้ทุกครัวเรือนในหมู่บ้านแห่งนี้เลิกอาชีพขอทานแล้ว ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนทุกครัวเรือน
คลิกที่รูปเพื่ออ่านข่าวนี้
สำหรับความเชื่อของผม คือ เราคนไทยเคยมีพระโพธิสัตว์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 9 ซึ่งทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงเปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพหลายด้าน ทรงมีสายพระเนตรที่ยาวไกล มองหนทางแก้ปัญหาความยากจนของคนไทยได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เพียงแต่ว่า คนไทยจำนวนมากและรัฐบาลไทยในอดีตไม่ค่อยนำพาที่ในหลวงทรงแนะนำเท่าที่ควร
ในหลวง ร.9 พระโพธิสัตว์ ทรงมาช่วยเหลือคนไทยนานถึง 70 ปี
หากเราคนไทยรักในหลวง ร.9 ก็ต้องเชื่อในคำสอนของพระองค์ และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ เพราะนี่คือวิถีที่ถูกต้องที่สุดสำหรับคนไทยครับ
คลิกอ่าน ในหลวงพระโพธิสัตว์รัชกาลที่ 9 เสด็จสู่ดุสิตมหาสวรรค์
ทรงสอนให้ปิดทองหลังพระ วันนี้ทองที่พระองค์ทรงปิดหลังพระตลอดมา ได้ล้นออกมาจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว ผมขอสัญญาว่าจะเอาคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ในชีวิตประจำวัน และจะรักชาติและเทิดทูนสถาบันกษัตริย์สืบไป
ตอบลบ