เกิดปัญหาดราม่ากรณี แต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
โดยตอนนี้ สมเด็จช่วง เจ้าอาววัดปากน้ำ เป็นตัวเกร็งอันดับ 1 ที่จะขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เพราะอาวุโสที่สุดในมหาเถรสมาคม
แต่ติดตรงที่ สมเด็จช่วง ได้พัวพันสนิทสนมสมยอมกับสมีไขยบูลย์มากเหลือเกิน แถมให้การสนับสนุนสมีไชยบูลย์ให้นุ่งผ้าเหลืองในฐานะพระต่อไป
ซึ่งถ้าเป็นกฎหมายในสมัยรัชกาลที่ 1 สมเด็จช่วงคงต้องอาญามีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิด จนถึงขั้นปาราชิกด้วยกัน
นี่ก็คือ มลทินของสมเด็จช่วง ถ้าจะมาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ท่านก็อาจกลายเป็นสมเด็ดพระสังฆเภท แทน
สังฆเภท[เพด] น. การที่ภิกษุทําให้สงฆ์แตกหมู่แตกคณะออกไป นับเป็นอนันตริยกรรมอย่าง ๑ ในอนันตริยกรรม ๕. (ป.).
ถ้าสมเด็จช่วง เป็นสมเด็จพระสังฆราช จะต้องเกิดความแตกแยกทั้งในหมู่สงฆ์และหมู่ฆราวาสแน่นอน
ในเมื่อมีความเสี่ยงจะเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมเราต้องเสี่ยงด้วย ก็น่าจะเลือกพระที่มีอาวุโสรองลงมาเป็นสมเด็จพระสังฆราชแทนก็ได้ หารูปที่ไม่มีเหตุมัวหมอง เพื่อไม่ให้สังคมพุทธศาสนาไทยแตกแยก
และในความเป็นจริงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ก็มีการเว้นช่วงไม่มีสมเด็จพระสังฆราชนานหลายปี โดยไม่มีการแต่งตั้ง หมายถึง ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลงอยู่หลายปี ก็มีอยู่หลายครั้ง
ยกตัวอย่างเช่น หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส(พระองค์เจ้าวาสุกรี) เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2396 การสถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์(พระองค์เจ้าฤกษ์) ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ใหม่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2434 หรือทิ้งระยะเวลานานถึง 38 ปี
หรือเช่น การสถาปนาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส(พระองค์เจ้ามนุษยนาคมานพ) เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2453 หรือใช้เวลานานถึง 11 ปีหลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก(สา ปุสฺสเทโว) เมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ.2442
-----------------
พระฝ่ายเสื้อแดง และตู่ จตุพร ออกโรงปกป้องสมเด็จช่วง
พระเมธีฯ ขู่ พระสงฆ์ทั่วประเทศจะออกมาประท้วงกลางกรุงเทพฯ
พระเมธีธรรมาจารย์ เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "ตามที่กลุ่มเครือข่ายปกป้องพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช และเครือข่ายสตรีปกป้องพระพุทธศาสนา ยื่นหนังสือต่อ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 1 เพื่อขอให้ชะลอการเสนอชื่อสมเด็จพระราชาคณะ เพื่อทูลเกล้าสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ นั้น เห็นได้ชัดเจนว่า คณะบุคคลกลุ่มดังกล่าวดังกล่าว เป็นกลุ่มเดิมที่แปลงร่างมาจากคณะกรรมการปฎิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ซึ่งมีความคิดที่สุดโต่งด้านการเมือง พระพุทธศาสนา และค่อนข้างจะมีแนวโน้มไปในทางมิจฉาทิฏฐิ วันนี้ชัดเจนว่าคณะบุคคลเดิมออกมาขัดขวางการทำหน้าที่เพื่อบริหารกิจการคณะสงฆ์โดยมหาเถรสมาคม เริ่มต้นจากการใส่ข้อกล่าวหาพระมหาเถรผู้ใหญ่ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไร้ข้อเท็จจริงและสร้างเรื่องขึ้น ท้ายสุดก็บอกว่าท่านมีมลทิน จึงไม่มีความชอบธรรมในการจะดำรงตำแหน่ง"
"ทั้งนี้หากบริสุทธิ์ใจ ไม่มีผลประโยชน์ใดแอบแฝง ทำไมกลุ่มบุคคลดังกล่าวถึงวินิจฉัย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ในมาตรา 7 แบบข้างๆคูๆ เพราะในกรณีใครจะเป็นผู้ดำเนินการก่อน หลัง ระหว่าง มหาเถรสมาคมกับนายกรัฐมนตรีนั้น ในคราวที่สถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 19 ก็ปฎิบัติโดยเริ่มต้นจากมหาเถรสมาคมก่อนจึงไปถึงรัฐบาล ขณะนี้พระสงฆ์ วงการสงฆ์และญาติโยมที่อยู่ข้างพระสงฆ์จำนวนมากในประเทศนี้อดทน อดกลั้น ยอมให้คนกลุ่มน้อยสำแดงเดช แสดงละครน้ำเน่า กันไปก่อน เพราะเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งเกิดเกินเลย เหิมเกริม กลุ่มพระสงฆ์ และญาติโยมดังกล่าวคงจะทนกันไม่ไหว ดังนั้นขอให้หยุดสร้างความเสียหายให้แก่คณะสงฆ์ หยุดใส่ร้ายป้ายสีพระมหาเถระผู้ใหญ่ที่คณะสงฆ์และชาวพุทธเคารพนับถือ และหยุดก้าวก่ายแทรกแซงกิจการภายในของคณะสงฆ์เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองได้แล้ว ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นชนวนนำไปสู่สังฆเภทครั้งใหญ่ได้"
"แรงกดดันเรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชมีมากขึ้นตามลำดับ เพราะกลุ่มบุคคลทั้งพระและโยมเป็นกลุ่มเดิมๆ ออกมาเคลื่อนไหวประสานมือกัน เป้าหมายคือชะลอการสถาปนาให้ได้ ซึ่งการกระทำแบบนี้จะสอดรับกันโดยบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบ เพราะคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ ที่บอกว่าการเสนอชื่อสมเด็จพระสังฆราชต้องดู กฎหมาย ความเหมาะสม ถ้ามีความขัดแย้งต้องรอให้ความขัดแย้งคลี่คลายก่อน สอดรับกลับกลุ่มบุคคลดังกล่าวราวกับวงซิมโฟนี ออร์เคสตรา"
“มองเห็นกันชัดๆ รัฐบาลจะรับลูกแบบนี้ใช่หรือไม่ อำนาจศาสนจักรกับอาณาจักรต่างไม่ก้าวก่ายกัน จะตรวจสอบรายชื่อ ประวัติแบบเดียวกับอธิบดี ปลัดกระทรวงใช่หรือไม่ จากนี้ไปก็ต้องวัดใจรัฐบาลว่าจะเต้นตามกลุ่มกดดัน หรือจะยืนอยู่ข้างพระสงฆ์ทั้งประเทศ ถ้ายืนอยู่ข้างพระสงฆ์ทั้งประเทศ ก็ขออนุโมทนา แต่ถ้ายืนอยู่ข้างกลุ่มกดดัน คงได้เห็นจีวรพระทั่วประเทศเหลืองอร่ามกลางกรุงเทพมหานครแน่นอน” พระเมธีธรรมาจารย์ระบุ
รูปพระเมธีธรรมาจารย์ ตามไปเชลียร์ นช. ทักษิณถึงในต่างประเทศ ถามว่า เอางบประมาณที่ไหนบินไป
จตุพร ขู่ อาจจะเกิดสงครามกลางเมือง
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ถึงกรณีที่พระพุทธะอิสระเคลื่อนไหวคัดค้านการแต่งตั้งสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ว่า "ประเทศไทยมีแนวโน้มเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ในวงการสงฆ์ เนื่องจากพระพุทธะอิสระและพวกมีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ ซึ่งสิ่งที่พระพุทธะอิสระเคลื่อนไหว ถือเป็นการสร้างความขัดแย้ง ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่เคยห้ามปรามหรือเรียกตัวมาปรับทัศนคติ"
“การที่พระพุทธะอิสระออกมาต่อต้าน จึงอาจทำให้ลุกลามกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ ซึ่งการจะล้มการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชนั้น จะเป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเล่นงานพระฝ่ายมหานิกาย จะกลายเป็นชนวนใหญ่ของประเทศ ใหญ่กว่าอุทยานราชภักดิ์ ใหญ่กว่าการแก้ไขปัญหาชาวสวนยาง ใหญ่กว่าการแก้ไขปัญหาชาวนา และใหญ่กว่ารถไฟไทย-จีน" นายจตุพรกล่าว.
http://imgur.com/a/NJEg9
ถ้าถึงขนาดตู่ คางคก ออกมาปกป้องสมเด็จช่วงขนาดนี้ สงสัยสมเด็จช่วง คงไม่ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้วล่ะ
เพราะเสนียดจัญไรตัวจริงมาเอง 5555
ที่จะเกิดสังฆเภท ก็เพราะพวกมึงเองนั่นแหละ ที่ดันปกป้องสมีไชยบูลย์ พวกมึงอย่าไปโทษคนอื่นเลย
สงสัยงานนี้สมีไชยบูลย์คงจ่ายหนักกว่าทักษิณ ไอ้ตู่เลยรับงานเต็มที่
ถ้า สมเด็จช่วง ได้เป็นสังฆราชเมื่อไหร่ ลัทธิธรรมกายขายบุญของสมีไชยบูลย์คงครองประเทศ
----------------------
ฝากถึงลุงตู่ ประยุทธ์
ถ้ากรรมการมหาเถรสมาคม มีมติให้สมเด็จช่วง ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช
ผู้ที่มีหน้าที่นำชื่อตามมติกรรมการ มส. ขึ้นทูลเกล้าฯ ก็คือ นายกรัฐมนตรี เท่านั้น
ฉะนั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าท่านนำชื่อสมเด็จช่วง ขึ้นทูลเกล้าให้ในหลวงเมื่อไหร่ ท่านก็อาจสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทได้
เพราะสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ได้ทรงวินิจฉัยแล้วว่า ธัมมชโย ปาราชิก แต่สมเด็จช่วงก็ยังสนับสนุนธัมมชโย ให้เป็นพระได้ต่อไป แถมเคยมอบพัดยศเลื่อนสมณศักดิ์ให้ธัมมชโยอีกด้วย
จึงเท่ากับว่า สมเด็จช่วง ได้สมรู้ร่วมคิด จึงต้องอาบัติปาราชิกเช่นเดียวกับสมีธัมมชโย ไปแล้ว
ศาสนาพุทธไทย จะไปรอดหรือไม่อยู่ในกำมือท่านนายกประยุทธ์ ลองพิจารณาเถิด
คลิกอ่าน สมเด็จมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ ผู้ล่มหลงในลาภสักการะสรรเสริญ
พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติถูกแล้ว พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาค เป็นผู้ปฏิบัติชอบแล้ว
ตอบลบนี้อย่างไร คือ บุรุษ ๔ คู่ นับเรียงตัวเป็น ๘ บุคคล นี่พระสงฆ์ของพระผู้มีพระภาค ท่านเป็นผู้ควรสักการะที่เขานำมาบูชา ท่านเป็นผู้ควรของต้อนรับ ท่านเป็นผู้ควรทักษิณาทาน ท่านเป็นผู้ควรสักการะที่เขานำมาบูชา ท่านเป็นผู้ควรของต้อนรับ ท่านเป็นผู้ควรทักษิณาทาน ท่านเป็นผู้ควรแก่อัญชลีกรรม ท่านเป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาอื่นยิ่งกว่า ดังนี้
ในฐานะปุถุชนผู้ยึดมั่นพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งอันสูงสุด ที่พึ่งอื่นใดไม่มีแล้วนั้น ก็หวังจะเห็นดวงแก้วที่สามเป็นสุปฏิปันโน ปฏิบัติวัตรตามรอยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดำรงพระธรรมวินัยให้มั่นคงยืนยง ดั่งที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ ดั่งนี้
โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา”
แปลว่า ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยใด ที่เราได้แสดงแล้ว และบัญญัติแล้ว แก่เธอทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้น จะเป็นศาสดาของเธอทั้งหลายโดยกาลที่เราล่วงลับไป
แต่หมู่สงฆ์ที่กำลังใช้อำนาจปกครองมณฑลแห่งสงฆ์ อยู่ในขณะนี้ ขอเรียนถามว่า ท่านทั้งหลาย เป็นพระสุปฏิปันโน กันครบถ้วนไหม อย่างไร