ผมอยากจะบอกคุณผู้อ่านว่า ผมนี่เคยไหว้ตัวเป็น ๆ ของพวกสมีก่อนจะปาราชิกมาแล้วหลายคน เช่น ยันตระ ภาวนาพุทโธ รวมทั้งธัมมชโย
ผมเคยไปไหว้ตัวจริง ตัวเป็น ๆ พวกสมีเหล่านี้มาแล้วทั้งสิ้น
แต่คนเราจะนับถืออะไร ศรัทธาอะไร ก็ต้องใช้ปัญญาช่วยในการศรัทธา หากต่อมาภายหลังพบว่า พระมีพฤติกรรมนอกรีตนอกรอย ก็เลิกไหว้ได้ ก็เลิกนับถือได้ เลิกศรัทธาได้ เหมือนที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำเรื่องการคว่ำบาตรพระที่ทำตัวไม่น่าเลื่อมใส
แล้วถ้าพระมีพฤติกรรมถึงขนาดเข้าขั้นปาราชิก ก็ไม่ต้องไปไหว้มันอีก เพราะไหว้ไปก็โง่ ก็บาปเข้าตัวเองเปล่า ๆ เพราะเท่ากับไปส่งเสริมคนชั่วให้ทำเลวต่อไป ไอ้คนโง่ที่ยังนับถือสมีก็เท่ากับร่วมทำบาปไปด้วย
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ใช้ปัญญาพิจารณา ไม่ใช่หลงงมงายจนถอนตัวไม่ขึ้น
อย่างกรณีวัดพระธรรมกาย ผมนี่เคยไปตั้งแต่อายุแค่ 8 ขวบ จนอายุสัก 17-18 ปี ผมก็พบว่า คำสอนมันเริ่มแหม่ง ๆ ผมก็เลยเลิกไป จนต่อมาเมื่อศึกษาธรรมะมากยิ่งขึ้น ก็เลยรู้ว่า ธัมมชโยมันบิดเบือนศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้ามาหากินสร้างความร่ำรวยมหาศาลให้ตัวมันเอง
รายละเอียดเรื่องทำไมผมเลิกนับถือธรรมกาย ผมเขียนในบทความยอดนิยมไปแล้ว คลิกอ่านที่นี่
พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ลด ละ กิเลส โดยเฉพาะเรื่องความโลภเนี่ย ถือเป็นกิเลสระดับหยาบมาก ๆ ซึ่งถ้าเรานับถือคำสอนของพระพุทธเจ้าจริง ๆ ด้วยปัญญา เราจะต้องรู้ทันทีว่า สมีธัมมชโยมุ่งเน้นสอนแต่รวย ๆ ๆ สอนทำบุญแล้วรวย ถ้าใครอยากได้สวรรค์ชั้นสูง วิมานสวย ๆ ก็ต้องยิ่งทำบุญมาก ๆ ทำบุญเยอะ ๆ
มันเน้นแต่เรื่องกิเลสความโลภพวกนี้ คือ ทำบุญแล้วจะยิ่งรวย ทำบุญแล้วจะมีสวรรค์วิมานรออยู่ แถมเน้น ๆ ด้วยนะว่า ทำบุญกับมัน หรือทำบุญที่วัดของมัน
ทั้ง ๆ ที่ ทั้งจะรวย หรือจะมีวิมานหรือไม่ ก็ไม่มีการการันตีใด ๆ แปลง่าย ๆ ว่า มันยกเอาสววรค์วิมานเลื่อนลอยที่ไม่มีจริงมาหลอกขายง่าย ๆ โดยใช้คำว่า บุญบังหน้า เท่านั้น
แล้วคดีความของบ้านเมืองตามกฎหมาย แค่ถูกกล่าวหา ก็ไปรับทราบข้อกล่าวหาตามกฎหมายในฐานะพลเมืองไทยคนนึงก็จะไม่บานปลายแบบนี้ แต่มันก็อ้างป่วยหนักไม่ยอมไป จนสุดท้ายศาลต้องออกหมายจับ
จนถึงตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ไม่ยอมไปมอบตัว ทั้ง ๆ ที่ ทาง DSI ก็จะอนุญาตให้ประกันตัวทันที แต่มันก็ไม่ไป อ้างป่วยใกล้ตาย ไปไหนไม่ได้อีก
ถ้าคนไทยที่ต้องคดีความอ้างป่วยทุกคน แล้วไม่ต้องเข้าตามกระบวนการยุติธรรม บ้านเมืองก็วุ่นวายน่ะสิ
อย่างสมีโยนั้น พอทาง DSI จะส่งแพทย์จากโรงพยาบาลรัฐที่เป็นกลางเข้าไปตรวจอาการให้ ก็ไม่ยอมให้เข้าไปตรวจซะงั้น
ในเมื่อสมีโยคิดว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ก็ไปพิสูจน์สิ ไม่ใช่เอาแต่หลบหนีแล้วเอาสาวกมาเป็นเกราะคุ้มกันตัวเอง ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่เข้าไปจับจริง ๆ ก็เท่ากับทำให้สาวกของตัวเองที่คอยปกป้องสมีโย จะต้องพลอยเดือดร้อนทำผิดกฎหมายบ้านเมืองไปด้วย
แบบนี้ถือว่า สมีโยเห็นแก่ตัวสุด ๆ
ในอดีตมีพระแท้หลายรูปเคยถูกกล่าวหาจากทางบ้านเมือง แต่ท่านก็ไม่เคยหนี ไม่เคยหลบ ยอมแม้กระทั่งติดคุกจนต้องสึกจากเพศบรรพชิตก็เคยมีมาแล้ว ตัวอย่างเช่น สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสโภ)
ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟรนฉันใด พระแท้ย่อมไม่กลัวภัยพาลฉันนั้น
พระพุทธเจ้าเองก็ทรงถูกกล่าวหาจากพวกคนเลวอยู่หลายกรณี สุดท้ายพวกชั่วเหล่านั้นที่ให้ร้ายแก่พระพุทธเจ้าก็ต้องธรณีสูบทุกราย
อย่างสมีโย แอบอ้างตัวเองเป็นต้นธาตุต้นธรรม ดูจะยกตนเหนือกว่าพระพุทธเจ้าซะด้วย หากบริสุทธิ์จริงจะกลัวอะไร ก็ไปสู้คดีให้ไอ้พวกที่กล่าวหามันถูกธรณีสูบไปเลยสิ จริงไหม
หากพระแท้ที่เมตตาต่อสาวกจริง ๆ ต้องไม่ยอมให้สาวกต้องมาเดือดร้อนเพราะตนเอง ต้องไม่เอาสาวกมาเป็นเกราะคุ้มกันตัวเอง เพราะแค่ไปรับทราบข้อกล่าวหาเสียตั้งแต่แรก เรื่องคงไม่บานปลายแบบนี้ แล้วกว่าจะขึ้นศาล กว่าศาลจะมีคำตัดสิน แล้วกว่าจะถึงศาลฎีกา ก็ยังอีกหลายปี
เผลอ ๆ ถ้าไม่ได้ทำผิดจริง ๆ ก็คงหลุดคดีตั้งแต่ศาลชั้นต้นไปแล้ว
ไม่ใช่สร้างอาณาจักรหรือกองกำลังเพื่อไม่ให้กฎหมายบ้านเมืองเข้าไปบังคับใช้ได้แบบนี้ ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมที่เลวมาก ๆ และอาจมีการลอกเลียนแบบในอนาคต
ขอสาธุชนผู้มีปัญญาพิจารณาเถิด
รถแบคโฮสองคันจอดปิดหน้าประตูทางเข้าวัดพระธรรมกาย เพราะกลัวเจ้าหน้าที่จะบุกเข้าไปจับสมีโย ซึ่งถ้าจับได้ตอนนี้ก็ต้องสึก เพราะตอนนี้ถูกห้ามประกันตัวแล้ว
คลิปแฉธัมมชโย
ล่าสุดฝ่ายสมีโย ออกมาประกาศว่า จะมอบตัวก็ต่อเมื่อประเทศไทยมีประชาธิปไตยที่แท้จริงแล้วเท่านั้น (ในวงเล็บพรรคของทักษิณกลับมามีอำนาจอีกครั้ง)
งั้นต่อไปนี้โจรทั่วประเทศ ผู้ต้องหาทุกคดีขอประกาศว่า จะไม่ยอมมอบตัวจนกว่าประเทศไทยจะมีประชาธิไตยที่แท้จริง
คำประกาศแบบนี้มันเจตนาถีบหน้านายกฯ ลุงตู่ชัดๆ ถถถ!!