วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บก.ลายจุดยังโง่เหมือนเดิมกรณีแขวะดร.เสรีจะไปอยู่อเมริกา






จากกรณีเป็นข่าวไปเมื่อวานที่ ดร.เสรี วงศ์มณฑา โพสเฟสบุ๊คว่า บั้นปลายชีวิตอาจไปใช้ชีวิตที่เหลือโดยไปขออาศัยอยู่บ้านหลานที่สหรัฐอเมริกา ก็เลยมีฝ่ายตรงข้ามอย่าง บก.ลายจุด ออกมาโพสแขวะอาจารย์เสรีตามนี้



การแขวะดร.เสรี วงศ์มณฑา ของบก.ลายจุด ถือเป็นการตอกย้ำตรรกะพิกลพิการและโชว์โง่ไม่มีสิ้นสุดของบก.ลายจุด เอง

เอาอย่างนี้แล้วกัน อย่างผมเองก็เคยเขียนบอกแฟนเพจ ใหม่เมืองเอก ของผมเอง ถึง 2 ครั้งแล้วว่า

"ที่ผมด่าสหรัฐอเมริกา หมายถึง ด่าบทบาทของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา แต่ผมไม่เคยเกลียดแผ่นดินสหรัฐอเมริกา ประเทศสหรัฐอเมริกา และไม่เคยเกลียดประชาชนชาวอเมริกันเลย"

ผมเขียนทำนองนี้ให้แฟนเพจผมได้เข้าใจ และเชื่อว่า คุณผู้อ่านบทความผมอ่านเพียงแค่นี้ก็คงเกททันที

สังคมพุทธเราสอนไว้ว่า จะต้องไม่ไปโกรธเกลียดใครเขา แต่ถ้าเราไม่ชอบบทบาทของรัฐบาลบางประเทศ เราวิจารณ์ได้หรือจะด่าด้วยก็ตาม แต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องไปเกลียดคนในประเทศนั้น ๆ เพราะคนเราทุกคนนั้นมันก็เพื่อนร่วมโลกด้วยกันทั้งสิ้น จะโกรธแค้นโกรธเคืองกันไปทำไม เกิดมาไม่กี่วันก็ตายแล้ว


ส่วนตรรกะโง่ ๆ ประเภทจิตใจคับแคบ ประเภทตรรกะควายแดง เฉกเช่นที่ บก.ลายจุด โพสลงเฟสบุ๊คตัวเองนั้น จัดเป็นตรรกะที่โชว์ความโง่ของตัวเองที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเลย

ผมขอยกความเห็นของแฟนเพจผมคนนึง ซึ่งเขาเขียนได้ชัดเจนดี เลยขอก๊อปมาลงบทความแล้วกัน เขาเขียนไว้ว่า

"ได้ยินบ่อยมากครับพี่ พวกวาทกรรมสั่ว ๆ จากเหล่าติ่งประเทศโลกเสรี
เกลียดเมกาก็อย่าใช้เฟสบุ๊ค อย่าใช้ไอโฟนสิ เลิกกินเบอร์เกอร์ เลิกใช้วินโดว์ เลิกใช้คอมพิวเตอร์สิ ไล่ฝรั่งออกนอกกะลาแลนด์ให้หมด บลาๆๆๆ
คือชอบเขา เข้ากับเขาแล้วต้องเป็นทาสเขาแบบถึงจิตวิญญาณเลยใช่ไหมครับพวกที่ใช้ตรรกะแบบที่ว่ามานี่"


ส่วนกรณีคดีความของ ดร.เสรี ผมว่า บก.ลายจุดถามบนความคิดในกมลสันดานตัวเองแบบหลายคนที่ตัว บก.ลายจุด เองรู้จักและนับถือ อย่างเช่น ทักษิณ ชินวัตร สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และอีกหลาย ๆ คน ที่หนีคดีหางจุดตูดไปอยู่เมืองนอกกันหมดแล้ว

ประเภทสันดานพรรคพวกตัวเองขี้ขลาดเช่นไร ก็ดันคิดไปเองว่า คนอื่นเขาจะเป็นเช่นพรรคพวกตัวเอง

เอาเป็นว่า ความเห็นส่วนตัวผม ผมว่า ดร.เสรี วงศ์มณฑา แม้จิตใจอาจารย์จะไม่ใช่ผู้ชายแท้ แต่ ดร.เสรี ก็เป็นคนจริงแน่นอน อาจารย์เสรีจะไม่หนีคดี ไม่หนีคุก ไม่หน้าตัวเมีย เหมือนอย่างคนที่ บก.ลายจุด เคารพนับถือหลายต่อหลายคนที่หนีคดีอย่างแน่นอน

ผมเชื่อเช่นนั้น

---------------------

จากที่ผมอธิบายมา คุณผู้อ่านพอมองภาพออกรึยังครับว่า ตรรกะควายแดงแบบ บก.ลายจุดน่ะ มันกะหลั่วและเห่ยเพียงใด 555

จริง ๆ โดยส่วนตัวผม ผมชื่นชม บก.ลายจุดหลายเรื่องนะ จะยกเว้นเรื่องแนวคิดทางการเมืองของเขานั่นแหละ ที่ออกจะแนวตรรกะควายแดงไปเยอะนะ ผมว่า 555

คลิกอ่าน บก.ลายจุด งง ไทยเคยเป็นอาณานิคมชาติอื่นหรือไม่



วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บก.ลายจุด งง ไทยเคยตกเป็นอาณานิคมชาติอื่นหรือไม่






เมื่อหลายวันก่อน บก.ลายจุด แกนนำคนเสื้อแดง ตั้งข้อสงสัยเรื่องไทยไม่เคยตกเป็นอาณานิคมชาติอื่นจริงหรือไม่ ลงในเฟสบุ้ค ตามนี้



ที่จริงมีคนไทยจำนวนมากที่สงสัยในเรื่องนี้ ดังนั้นผมเลยจะขออธิบายตามนี้ครับ

จากคำถามข้อที่ 1 ของบก.ลายจุด ตอนอยุธยาเสียเมือง(เสียกรุง)ครั้งแรก สถานะของอยุธยาคืออะไร ?

ตอบว่า สถานะกรุงศรีอยุธยา มีสถานะเป็นอาณาจักร ในสมัยนั้นยังเป็นยุคโบราณ ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนเป็นประเทศตามหลักสากลเหมือนในสมัยปัจจุบัน

เพราะการแบ่งเขตอเนเป็นประเทศจริง ๆ ตามแบบประเทศสมัยใหม่น่าจะเริ่มขึ้นเมื่อประมาณสมัยรัชกาลที่ 4 ถึงรัชกาลที่ 5  จึงถือว่าได้พ้นยุคอาณาจักรโบราณไปแล้ว โดยเริ่มแรกเราใช้ชื่อประเทศสยาม และมาเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทย ในสมัยจอมพล ป.พิบูลย์สงคราม

คำถามข้อที่ 2  ไทยเราเคยล่าอาณานิคมชนชาติหรือไม่ 

ตอบว่า ในยุคอาณาจักรโบราณ เราไม่ได้ใช้คำว่า ล่าอาณานิคม

ต่อเนื่องจากคำถามข้อที่ 2 ถ้าถามใหม่ว่า เราเคยตกเป็นชาติอาณานิคมชนชาติอื่นหรือไม่ ?

ตอบว่า คำว่า "ชาติอาณานิคม" หรือ "อาณานิคม" ภาษาไทยเราเพิ่งจะนำคำ ๆ นี้มาใช้ในสมัยชาติตะวันตกเข้ามาล่าอาณานิคมในทวีปเอเซีย โดยเฉพาะเมื่อเข้ามาล่าในแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จึงทำให้มีการนำคำนี้มาใช้ เพราะแต่เดิมใช้คำว่า "ประเทศราช" หรือ "เมืองขึ้น"

**ประเทศราชในยุคโบราณยังมีอำนาจปกครองตัวเอง แต่การเป็นชาติอาณานิคมของชาติตะวันตกจะหมดสิทธิการปกครองตนเองโดยสิ้นเชิง**

ดังนั้น คำว่า "ชาติอาณานิคม" จึงเป็นคำที่ใช้เกี่ยวกับการตกเป็นชาติอาณานิคมของชาติตะวันตกเท่านั้น

ความจริงเราต้องพูดให้ครบถ้วนว่า "ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นชาติอาณานิคมของชาติตะวันตก" (เมื่อมีการแบ่งอาณาเขตเป็นประเทศตามหลักสมัยปัจจุบันแล้ว)

-------------------

กรณีกรุงศรีอยุธยา เสียกรุง 2 ครั้งให้พม่าจริงหรือ ?

จริง ๆ แล้ว ในสมัยอาณาจักรอโยธยาที่มีกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีนั้น

เราเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งแรกให้อาณาจักรตองอู ซึ่งมีพระเจ้าบุเรงนองเป็นกษัตริย์พม่าแห่งราชวงศ์ตองอูในขณะนั้น โดยมีกรุงหงสาวดีเป็นราชธานี (โดยกรุงหงสาวดีเดิมเป็นราชธานีของชนชาติมอญ)

ส่วนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เป็นการเสียกรุงให้แก่อาณาจักรอลองพญา ให้แก่พระเจ้าอลองพญา แห่งราชวงศ์คองบอง หรือราชวงศ์อลองพญาซึ่งเป็นราชวงศ์ต่อมาของชนชาติพม่า โดยมีกรุงอังวะเป็นราชธานี

สรุปคือ อาณาจักรอโยธยา เสียกรุงครั้งที่ 1 ให้อาณาจักรตองอูของชนชาติพม่า และเสียกรุงครั้งที่ 2 ให้อาณาจักรอลองพญาของชนชาติพม่า

ซึ่งในสมัยโบราณที่ยังแบ่งเป็นอาณาจักรอยู่นั้น กรุงศรีอยุธยา หรืออาณาจักรอโยธยา ก็เป็นเพียงชนชาติไทยอาณาจักรหนึ่งเท่านั้น

หรืออย่าง อาณาจักรล้านนา ก็เป็นชนชาติไทยชนชาติหนึ่งเท่านั้น

แต่เมื่อเริ่มเป็นประเทศไทยแล้ว ก็ได้รวมเอาอาณาจักรต่าง ๆ มารวมกันเป็นประเทศ รวมพื้นที่เดิมของอาณาจักรล้านนา อาณาจักรอโยธยาที่สิ้นลงไป อาณาจักรธนบุรี อาณาจักรรัตนโกสินทร์ และอาณาจักรอื่น ๆ ที่มีอยู่ เข้ามารวมกันเป็นประเทศไทยตามแบบการแบ่งเขตประเทศในยุคสมัยใหม่

ส่วนอาณาจักรที่เคยเป็นเมืองขึ้นไทย เช่น อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรเขมร และบางส่วนในพื้นที่ของประเทศพม่า ไทยเราได้เสียดินแดนเมืองขึ้นเหล่านี้ให้ชาติตะวันตกทั้งอังกฤษและฝรั่งเศสไป เพื่อรักษาดินแดนของชนชาติไทยส่วนใหญ่ไว้

---------------------

ยุคอาณาจักรโบราณการต่อสู้เสียเอกราชเป็นเรื่องปกติ

อย่างกรุงศรีอยุุธยาไปยึดอาณาจักรสุโขทัยมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอโยธยา  แล้วยึดอาณาจักรล้านนามาเป็นเมืองประเทศราช นี่ก็คือ ชนชาติไทยไปยึดชนชาติไทยด้วยกัน เป็นต้น

กรณีพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองมาตีกรุงศรีอยุธยาแตก ก็ไม่ได้แปลว่า ทุกอาณาจักรที่เคยเป็นประเทศราชของอาณาจักรอโยธยาจะตกเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรตองอูหงสาวดีไปด้วย (แต่โดยมากก็มักจำนนตามอโยธยา แต่หลายอาณาจักรก็จะถือโอกาสเป็นอิสระไปก็มี)

ดังนั้น การที่ บก.ลายจุด สงสัยว่า ที่อยุธยาเสียกรุงครั้งแรกนั้น สถานะของอยุธยาคืออะไร ?

ก็ต้องตอบว่า อาณาจักรอโยธยา เป็นเพียงอาณาจักรโบราณหนึ่งของชนชาติไทยที่ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของชนชาติพม่า

ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมาตั้งแต่ยุคโบราณดึกดำบรรพ์หลายหมื่นปี ที่ชนชาติที่มีอาณาเขตติดต่อกันจะรุกรานกันไปมา เพื่อปกป้องดินแดนของตัวเอง

----------------------

สรุป 

คำว่า ไทยไม่เคยตกเป็นอาณานิคมของใครนั้น จึงหมายถึง ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นประเทศอาณานิคมหรือเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตก เท่านั้น

ซึ่งในทวีปเอเซียมีเพียงสองประเทศเท่านั้น ที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของชาติตะวันตกเลย นั่นก็คือ ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น

ส่วนญี่ปุ่น ภายหลังจากแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะตกอยู่ในการดูแลของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ยังไม่ถือว่า ตกเป็นเมืองขึ้น

เพราะญี่ปุ่นยังมีอธิปไตยเป็นของตัวเอง

เพราะคำว่า ชาติอาณานิคม นั้นหมายถึง ชาติตะวันตกเข้ามาปกครองประเทศนั้น ๆ เป็นการเสียอธิปไตยของชาติอาณานิคมโดยสิ้นเชิงครับ