วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2561

โขน เป็นของไทย ไม่ใช่ของ กัมพูชา







ปฐมกษัตริย์กัมพูชาถูกแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ไทย

หากผมใช้คำว่า สันดานเขมร ผมเฉพาะเจาะจงไปที่ท่าทีของผู้ปกครองรัฐเขมรเป็นหลัก ไม่ได้เหมารวมว่า คนเขมรทุกคนต้องเป็นเช่นนั้น

เหมือนที่บางคนมักบอกว่า คนไทยไร้ระเบียบวินัย ก็ไม่ได้แปลว่า คนไทยทุกคนจะเป็นเช่นนั้น (แต่จำนวนมากก็มักจะเป็นเช่นนั้น)

กรณี #โขน แม้แต่พม่าและลาว เขาก็ยอมรับว่า เขาได้รับอิทธิพลมาจากโขนไทย

ส่วน เขมร เคยเป็นเมืองขึ้นเมืองประเทศราชของราชอาณาจักรของไทยมานาน ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์

อาณาจักรเขมร ต้องส่งเจ้านายชั้นสูงมาเป็นองค์ประกันในไทย เจ้านายเขมรก็เลยได้เล่าเรียนและได้รับอิทธิพลจากศิลปวัฒนธรรมของไทยไปเยอะมาก แล้วก็นำกลับไปเผยแพร่ที่เขมร เช่น โขนไทย

โดยเฉพาะ พระองค์ด้วง ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรกัมพูชาสมัยใหม่ เคยหนีภัยมาประทับในกรุงรัตนโกสินทร์ในสมัยรัชกาลที่ 2 เมื่อตอนอายุ 16 ปี และพำนักในไทยอยู่นานถึง 27 ปี ก่อนจะกลับไปครองราชย์

โดยพระองค์ด้วง ได้รับการช่วยเหลือจากกองทัพแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพ ได้ช่วยยกทัพไปปราบญวณที่เข้ามายึดครองอาณาจักรเขมรจนสำเร็จ

แล้วพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ รัชกาลที่ 3 ทรงสถาปนาราชาภิเษกแก่พระองค์ด้วง ให้ขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรกัมพูชา(เดิมชื่ออาณาจักรเขมร) พระนามว่า สมเด็จพระหริรักษ์รามมหาอิศราธิบดี ตามที่รัชกาลที่ 3 เคยมีพระบรมราชโองการที่ว่า

"หากเขมรสงบเรียบร้อยเมื่อใดให้อภิเษกพระองค์ด้วงขึ้นครองเขมร"

เมื่อเจ้านายชั้นสูงของเขมรได้นำโขนไทยเราไปเผยแพร่และทำการแสดงในเขมรต่อ โดยได้ถอดรูปแบบการแสดงโขนของไทยไปมากยิ่งกว่าพม่า หรือลาว เคยนำไป

เพราะรูปแบบการแสดงและเนื้อเรื่องโขนในเขมรใกล้เคียงโขนไทยมาก โดยลอกจากบทพระราชนิพนธ์ เรื่องรามเกียรติ์ ใน ร.2 ไปทั้งดุ้น

แม้แต่ พระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล (พระราชวังเขมรินทร์) โดยกษัตริย์องค์ที่ 2 แห่งอาณาจักรกัมพูชา พระนามว่า พระบาทสมเด็จพระนโรดม บรมรามเทวาวตาร ทรงเป็นพระราชโอรสของพระองค์ด้วง ซึ่งเคยมาพำนักและบวชในไทยในสมัยรัชกาลที่ 3 และที่ 4 ก็ลอกไปสร้างตามแบบพระบรมมหาราชวังของไทย (วัดพระแก้ว)

โดยเฉพาะกษัตริย์กัมพูชาพระองค์ที่ 2 นี้ ก่อนขึ้นครองราชย์ เคยมีปัญหาแย่งชิงราชสมบัติกับพี่น้อง แต่รัชกาลที่ 4 ของไทยทรงช่วยจัดการปัญหาการแย่งชิงราชบัลลังค์ให้ แล้ว ร.4 ยังทรงช่วยจัดพิธีราชาภิเษกครองราชย์ให้อีกด้วย


พระบาทสมเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ แห่งกัมพูชา (ព្រះបាទនរោត្តម) ขณะประกอบพระราชพิธีราชาภิเษก ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร


กล่าวโดยสรุป กษัตริย์แห่งกัมพูชาทั้ง 2 พระองค์แรกของราชวงศ์ ได้รับการราชาภิเษกให้ขึ้นเป็นกษัตริย์กัมพูชาโดยพระมหากษัตริย์ไทย

ซึ่งกษัตริย์กัมพูชาทั้งสองพระองค์ก็เคยก้มกราบพระบาทของพระมหากษัตริย์ไทยคือ ร.3 และ ร.4 ก่อนขึ้นครองราชย์ทั้งสิ้น และแม้แต่กษัตริย์องค์ที่ 2 ก็เคยหนีภัยฝรั่งเศสรุกรานมาสวรรคตที่กรุงเทพเช่นกัน

ซึ่งกษัตริย์กัมพูชาทั้งสองพระองค์นี้ ก็ได้นำศิลปะการแสดงโขนของไทยเรื่องรามเกียรติ์ในรัชกาลที่ 2 ไปเผยแพร่ต่อในกัมพูชาจนวันนี้


ประเด็นคือ ชาติอื่น ๆ ที่เขาเคยรับอิทธิพลจากโขนไทยไปดัดแปลงแสดงเล่นต่อในประเทศของเขา เขาก็ยอมรับว่า ได้รับมาจากไทย

แต่มันมีอยู่ชาติเดียวที่หน้าด้านจอมขี้ตู่ ที่แม่งจะตู่เอาโขนไทยไปเป็นของตัวเอง ว่ามันคิดค้น ชาตินั้นก็คือ ชาติของพระยาละแวกผู้ชอบแว้งกัดไทย นั่นเอง



---------------------

เพราะ โขน เป็นของชาวสยาม

กรณีไทยจะขอขึ้นทะเบียน #โขน เป็น #มรดกโลก นั้น

กัมพูชา ก็รีบออกมาคัดค้าน โดยอ้างว่า โขน เป็นของกัมพูชา ไม่ใช่ของไทย

ส่วนนายสุจิตต์ วงศ์เทศ นักเขียนนักประวัติศาสตร์ไทยแนวเดียวกับ นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ ก็รีบออกมารับลูกเขมร บอกว่า โขนไม่ใช่ของไทย แต่เป็นศิลปะร่วมกันในแถบนี้ โดยมีหลักฐานพบว่า โขน เริ่มมีมาใน เสียมเรียบ ตั้งแต่ยุคสมัยขอมโบราณ


ผมจะเล่าให้ฟังสั้น ๆ หลังเขมรแตกยุคเขมรแดง และหลังเวียดนามบุกยึดกัมพูชา จนคนเขมรต้องอพยพหนีสงครามมาอาศัยพึ่งพิงบนแผ่นดินไทย ในตอนนั้นศิลปวัฒนธรรมด้านการแสดงของเขมรเองก็แทบสูญสิ้น

จนต่อมากัมพูชาผ่านพ้นสงครามกลับมาฟื้นฟูประเทศอีกครั้ง ไทยเรายังส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการศิลปะแสดงแขนงต่าง ๆ จาก กรมศิลปากร ที่พอจะมีความรู้เกี่ยวกับศิลปะเขมรได้ช่วยกลับไปสอนคนเขมรด้วยซ้ำ ทั้งดนตรี ทั้งการร่ายรำ และโขน

สันดานเขมร นั้นกี่ปี ๆ ก็ชอบแว้งกัดไทยได้ทั้งชาติ เหมือนกรณีไทยเคยบริจาคอาวุธปืนให้กองทัพกัมพูชาไปใช้ ในสมัยกษัตริย์กัมพูชาพระองค์ที่ 4 สมเด็จนโรดม สีหนุ
แต่ทหารกัมพูชากลับเอามายิงไทยแล้วอ้างยึดเขาพระวิหารเป็นของเขมร

เฮ่อ.. เห็นรึยังสันดานเขมรคบไม่ได้ ประเทศไทยถึงยังต้องมีการเกณฑ์ทหาร ไปตลอดชาตินั่นแหละ

ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ความจริงแล้ว คนไทยหรือชาวสยามคือคนสร้างนครวัด ครับ

เพราะ เสียม (Siam) แปลว่า สยาม (Siam)
ในยุคโบราณชาวสยาม เคยอาศัยใน เสียมราฐ มาก่อน

คนไทยเราเรียก จังหวัดเสียมราฐ แต่เขมรมันเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "เสียมเรียบ"

ที่เหลืออ่านต่อในบทความตามลิงค์ด้านล่างนี้ ซึ่งไล่ให้ดูให้เห็นอย่างง่าย ๆ กว่าชาวสยามจะมาเป็นไทยในวันนี้

คลิกอ่าน ขอมไม่ใช่เขมร ชาวสยามคือผู้สร้างนครวัดนครธม