คสช. ได้ตั้งนายปิยะสวัสดิ์ อัมระนันท์ เป็นประธานบอร์ด ปตท.
คณวีระ สมความคิด ที่โดน คสช. จับตัวไปเมื่อ 2 วันก่อน คสช.ก็ได้ปล่อยตัวคุณวีระ ให้ไปร่วมเสวนาปัญหาพลังงานของชาติ ที่หลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นประธานการจัด
มีช่วงหนึ่งคุณวีระ สมความคิด ได้ถามว่า ฝ่ายที่นั่งทางซ้ายมือของผม ใครมีหุ้นใน ปตท. บ้าง
นายปิยสวัสดิ์ ตอบว่า ผมมีหุ้น ปตท. 4,400 หุ้น
หมายเหตุ ที่นายปิยสวัสดิ์ บอกว่า มีหุ้น ปตท. 4,400 หุ้นนั้น ยังไม่รวมที่มีหุ้นในบริษัทลูกของ ปตท. นะครับ เพราะนายปิยสวัสดิ์บอกว่า ถ้าถามถึงบริษัทลูก ด้วย ต้องขอเวลาไปค้นมากกว่านี้
ดูคลิปช่วงที่คุณวีระ ได้ถาม เรื่อง ใครมีหุ้น ในปตท. บ้าง สะใจจริง ๆ
ในนาทีที่ 2.55 เป็นต้นไป
ส่วนหลวงปู่พุทธะอิสระ สรุปได้ดีในประเด็นนี้คือ
"คนเขาสงสัยว่า คนที่ทำงาน ปตท. แล้วมีผลได้ผลเสียกับงานที่ตัวเองทำเนี่ย เวลาจะออกนโยบาย เวลาจะออกสิ่งใด ๆ มาเนี่ย จะเอื้ออำนวยประโยชน์ผลได้ผลเสียของตนมากกว่าผลประโยชน์ของตัวเอง"
ส่วนนายไพรินทร์ CEO ปตท. กลับบอกว่า ตัวเองจำไม่ได้ว่า ตัวเองมีหุ้น ปตท. เท่าไหร่ !!
------------
ตรรกะนายปิยสวัสดิ์
นายปิยสวัสดิ์ ใช้ตรรกะว่า ถ้าคนเป็นประธานบริษัท มีหุ้นในบริษัทไม่ได้ คุณบัณฑูร ล่ำซำ ก็มีหุ้นในกสิกรไทย ไม่ได้ล่ะสิ
เห็นการแถของนายปิยสวัสดิ์ ไหมครับ ?
นายปิยสวัสดิ์ เอา ปตท. ไปเปรียบเทียบกับ ธนาคารกสิกรไทย !!
ที่มาการเกิดขึ้นของ ปตท. กับ กสิกรไทย มันแตกต่างกันสิ้นเชิง แต่นายปิยสวัสดิ์เสือกเอามาอ้างเทียบเคียงกัน
หลายครั้งที่เวลา ปตท. จะใช้สิทธิที่ได้เปรียบเพราะเป็นบริษัท ก็จะอ้างว่า ตัวเองเป็นบริษัทมหาชน
แต่ถ้าตัวเองจะได้เปรียบเพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ ก็จะอ้างว่าตัวเองเป็นรัฐวิสาหกิจ
ก็ใช่ แม้นายปิยสวัสดิ์มีหุ้น ปตท. จะไม่ผิดกฎหมาย แต่มันไม่เหมาะสมทางจริยธรรม ที่จะเข้ามาดูแลและกำกับ ปตท. ในยุค คสช. ที่ต้องการให้มีการปฏิรูปพลังงานเพื่อความเป็นธรรมแก่ประชาชน
-------------
ถ้าเราเอามูลค่าหุ้น ปตท. ณ. วันที่ 27 ส.ค. 2557 มาคำนวณ คือหุ้นละ 330.00 บาท
ถ้านายปิยสวัสดิ์มีหุ้น ปตท. 4,400 หุ้น คูณกับมูลค่าหุ้นละ 330 บาท = 1,452,000 บาท
การที่นายปิยะสวัสดิ์ มีหุ้นใน ปตท. แบบนี้เขาเรียกผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ?
คงไม่ใช่มั้ง เพราะนายปิยะสวัสดิ์ได้บอกเองว่า เขาไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนใน ปตท. จากข่าวนี้
ส่วนเมียของนายปิยสวัสดิ์ คือ คุณอานิก อัมระนันทน์ เคยเขียนบทความเรื่อง "ใครควรเป็นประธานบอร์ด ปตท." ไว้ในบทความของพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์
ในตอนหนึ่งของบทความของคุณอานิก ได้เขียนว่า
"สำหรับฝ่ายที่เคยเรียกร้องให้ปลัดกระทรวงพลังงานไม่อยู่ในบอร์ด ปตท. เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นข่าวดี เพราะจะลดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน “สวมหมวก ๒ ใบ” ใบหนึ่งในฐานะปลัดกระทรวงที่มีอำนาจในการกำกับดูแลการพลังงาน กับอีกใบหนึ่งในฐานะบอร์ดหรือตัวแทนผู้ถือหุ้นที่มีหน้าที่แสวงกำไร โดยที่แรงจูงใจจากผลตอบแทนการเป็นบอร์ด ปตท.นั้นสูงนัก ทำให้ปลัดใช้อำนาจกำกับดูแลในทางที่ไม่ชอบไม่ควร ปล่อยให้ ปตท.กำไรมหาศาล ในขณะที่ประชาชนต้องแบกรับราคาพลังงานที่สูง ซึ่งเป็นกระแสความเชื่อที่รุนแรงและกว้างขวางพอสมควร เรื่องนี้ดิฉันจะได้พยายามคลี่คลายข้อเท็จจริงซึ่งละเอียดอ่อนมากในโอกาสต่อไป รวมทั้งเรื่องความสำคัญของการแก้ไข พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าไม่ให้ ปตท.มีอำนาจเหนือตลาดโดยไม่จำเป็น"
แล้วตอนนี้ คุณปิยสวัสดิ์ เป็นประธานบอร์ด ปตท. ก็มีหน้าที่แสวงหากำไรให้ผู้ถือหุ้น เหมือนกันใช่ไหมครับ ?
มิน่าล่ะ พอนายปิยสวัสดิ์มาเป็นประธานบอร์ด ปตท. ได้ไม่ทันไร กำไรในไตรมาส 2 ของ ปตท. ปี 2557 เลยมากกว่าไตรมาส 2 ของปีที่แล้วกว่า 160 %
ชั่งน่ายกย่องเสียจริง ๆ มิน่าล่ะ นายปิยสวัสดิ์ เลยสนับสนุนเต็มตัวให้ ปตท. แปรรูปท่อก๊าซในทะเลเป็นบริษัทเอกชน
คลิกอ่าน ไพรินทร์ ซีอีโอ ปตท. แถเรื่องแอลพีจีในเวทีเสวนาปัญหาพลังงาน
คลิกอ่าน ทำไม ปตท. ไม่สำรวจน้ำทันบนบกในไทยเอง