เมื่อเช้านี้ดูข่าวนึง ผู้หญิงชือ Justine Sacco เธอรั้งตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสารองค์กรของ IAC บริษัทอินเทอร์เน็ตเจ้าใหญ่ในสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่เธอมีอาชีพเป็นประชาสัมพันธ์ แต่เธอกลับทวีตข้อความเชิงเหยียดผิวออกมาก่อนขึ้นเครื่องไปอาฟริกาว่า
“กำลังเดินทางไปอาฟริกา หวังว่าฉันคงไม่ติดเอดส์ แค่ล้อเล่นน่ะ ฉันผิวขาวนะ!”
"Going to Africa. Hope I don’t get AIDS. Just kidding. I’m white!"
แม้เธอจะได้ลบข้อความดังกล่าวแล้ว และขอโทษที่เธอทำไปแบบไม่รู้จักคิด แต่มันสายไปเสียแล้ว
เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เธอก็ถูกไล่ออกจากบริษัท เพราะคนทั่วทั้งโลกได้แชร์ข้อความของเธอ และประณามเธอที่คิดอะไรโง่ ๆ แล้วก็โพสอะไรโง่ ๆ แบบไม่รู้จักคิดออกไป ไม่สมกับคนที่เป็นนักประชาสัมพันธ์ที่มีประสบการณ์ยาวนานในวงการ
แบบนี้เขาเรียกว่า การแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำผิดต่อสังคม คือ เธอถูกบริษัทไล่ออก หรือจะเรียกว่า บริษัทไล่เธอออก
แล้วการที่นายกรัฐมนตรีหญิงของไทย ทั้งพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการแก้ไขที่มา สว. มีการกระทำขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา
ก็เท่ากับรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเถื่อนไปแล้ว หมดความชอบธรรมไปแล้ว
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่คนไทยผู้เสียภาษีให้เงินเดือนนายกฯ และสส.เพื่อไทย ได้ใช้ทุกเดือนจะออกมาไล่นายกรัฐมนตรีคนนี้ออกไป
ลองไหมล่ะ ไอ้พวกฟายแดงทั้งหลาย ลองทำประชามติสำหรับผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลประจำปีเท่านั้น ให้มีสิทธิโหวตว่า ต้องการให้ยิ่งลักษณ์ออกจากประเทศนี้หรือไม่ ?
พวกที่ไม่เสียภาษีรายได้ ไม่มีสิทธิโหวต !!
เรื่องประชามติสำหรับคนเสียภาษีผมแค่สมมุติเล่น ๆ ผมแค่อยากจะเปรียบเทียบว่า เมื่อรัฐบาลหมดความชอบธรรม ก็ไม่สมควรอยู่รักษาการณ์ต่อไป นี่คือความคิดเห็นของคนไทยที่เสียภาษีเงินได้ประจำปีให้รัฐ
สำหรับคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่เคยเสียภาษีเงินได้ให้รัฐ แต่ชอบแบมือขอของฟรีจากรัฐนั้น พวกเขาย่อมคิดต่างจากคนไทยส่วนน้อยที่เสียภาษีประจำปีแน่นอน
คลิกอ่าน กรณีตัวอย่าง ประชาธิปไตยแบบเหี้ย ๆ
----------------------
ข้ออ้างเพื่อรักษาการณ์นายกรัฐมนตรี
การที่ยิ่งลักษณ์อ้างว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 181 กำหนดให้หลังยุบสภานายกรัฐมนตรีต้องรักษาการณ์ต่อไป จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่นั้น
ถือเป็นการอ้างเอาแต่ได้ เพราะหน้าที่ที่กำหนดในรัฐธรรมนูญนั้น หน้าที่ในบางเรื่องจะต้องดูสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยประกอบด้วย
เช่นการลาออกจากงาน ลาออกจากหน้าที่ ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคนที่สามารถกระทำได้ทุกเวลา
หากนายกรัฐมนตรีลาออกจากการรักษาการ ย่อมกระทำได้แน่นอน เพราะหน้าที่บางอย่างแม้รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ แต่ก็ไม่ได้มีบทลงโทษใดๆ หรือบังคับว่าจะต้องทำเสมอไป
เช่น นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องเข้าประชุมสภา และต้องตอบกระทู้ในสภา หรือ สส. มีหน้าที่ต้องเข้าประชุมสภา
ถามว่า ยิ่งลักษณ์เคยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เคยโดดประชุมสภา หรือแวะมาเซ็นชื่อว่าเข้าประชุมสภา แล้วโดดหนีไปหานักธุรกิจผู้ชายที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น เคยหรือไม่ ?
แล้วการรักษาการนายกรัฐมนตรี ด้วยการตะลอนทัวร์ไปหาเสียงด้วยเงินภาษีชาติ แล้วอ้างว่าไปตรวจงานนั้น มันทุเรศและตอแหลสิ้นดี
ในขณะที่สถานการณ์ประเทศวุ่นวายหนัก ตำรวจกับประชาชนต้องมาห้ำหั่นกัน จนมีผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย แต่ยิ่งลักษณ์กลับท่องเที่ยวอย่างสบายใจเฉิบ
พอเจอนักข่าวก็แสร้งตีหน้าเศร้าสักหน่อย ถุย !!
คำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของยิ่งลักษณ์เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.56 หลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ชุมนุมที่สนาม ไทย-ญี่ปุ่น
"วันนี้เรามีหน้าที่ปกป้องระบอบประชาธิปไตย เรามีหน้าที่ประคับประคองให้ประเทศหาทางออกและเดินไปข้างหน้าได้ ถึงแม้ว่าถ้าเราเทียบเหมือนถนน เราเห็นถนนที่ขรุขระมีขวากหนาม แต่ยังดีกว่าที่จะเราจะเลี่ยงถนนที่เรามีอยู่เส้นเดียวที่ต้องเดินแล้วไปเดินในป่า ซึ่งไม่รู้ว่าตรงนั้นจะเป็นทางลัดหรือเป็นอะไร”
ผมอยากจะบอกยิ่งลักษณ์ว่า "กูอยากไปเดินในป่าที่ไม่มีแรด ยังดีกว่าเดินบนถนนขรุขระของพวกนักการเมืองโกงกิน ถนนที่มีคนไทยต้องมาตายเพราะตระกูลชินวัตรของมึงมาหลายศพแล้ว"
และหลังจากตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จให้นักข่าวฟังและสื่อทีวีถ่ายเสร็จแล้ว
ตกบ่าย ยิ่งลักษณ์ก็ไปช็อปปิ้งกระตู้วู้ !!
ปูไปชอปปิงหาเลือกซื้อเสื้อกันหนาวที่ศูนย์การค้าพรอมเมนาด้าเชียงใหม่ อย่างสบายใจเฉิบ ๆ
ทำอย่างกับว่า มันไม่เคยมีเสื้อกันหนาวใส่ ทั้งๆ ที่ไปทัวร์ 50 ประเทศในเวลา 2 ปี
ปู "ก็ตั้งแต่หนีลูกหนีผัว หนีม็อบนกหวีดมาเที่ยวหลอกควายแถวเหนือแถวอีสาน ปูก็เลยลืมพกเสื้อกันหนาวมาด้วยหลาย ๆ ตัวน่ะคะ"
ยิ่งลักษณ์เจอฝรั่งดักจีบ ที่หนองคาย เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 56
คลิกอ่าน ตีความมาตรา 181 ครม.รักษาการณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ร่วมฮาแม้วจรจัด!! ถ้าไม่ชอบก็ผ่านไป ถ้าชอบใจก็ขอเสียงเชียร์ และขออภัยหากทำให้พวกคาราบาวแดงกระอัก ^^