ฝากถึงพวกนักสิทธิมนุษยชนโลกสวยตายห่าทั้งหลาย
กู akecity อยากบอกไอ้พวกนักสิทธิมนุษยชนทั้งหลายว่า
"ถ้ามึงไม่อยากให้ประหารไอ้ฆาตกรข่มขืนฆ่า งั้นให้มันติดคุกตลอดชีวิตแล้วห้ามมีสิทธิรับพระราชทานอภัยโทษเอาไหม
และมึงไอ้นักสิทธิมนุษยชน
มึงก็ต้องมาเป็นคนออกเงินค่าอาหารของไอ้ฆาตกรข่มขืนฆ่ารายนั้น ๆ ในคุก ไปตลอดชีวิตด้วย มึงกล้าไหมล่ะ ?
เพราะกูไม่อยากให้เงินภาษีของกูไปเลี้ยงไอ้พวกเหี้ยพวกนี้ แม่งเปลือง สู้เอาเงินไปเลี้ยงเด็กกำพร้า หรือเด็กด้อยโอกาสเสียดีกว่า
ถ้ามึงไอ้พวกนักสิทธิมนุษยชน ถ้ามึงเกิดไม่มีปัญญาส่งเสียไอ้ฆาตกรในคุกต่อไปได้อีก จนตลอดชีวิตของมัน หรือของมึง ก็จำเป็นต้องประหารชีวิตมันไปซะ แบบนี้เอาไหมล่ะมึง ??
ถ้ามึงทำไม่ได้ ก็หุบปากเหม็น ๆ กับคำว่า สิทธิมนุษยชนไปซะ !!
สำหรับความคิดของกู การประหารชีวิต ก็คือ
การตัดตัวปัญหาไม่ให้มันไปก่อกรรมทำเข็ญกับผู้บริสุทธิ์คนอื่น ๆ ได้อีก
การประหารชีวิต คือ การให้โอกาสไอ้พวกเหี้ยไปแก้ตัวใหม่ กลับตัวใหม่ในชาติหน้าแทน
เข้าใจรึยัง
ไอ้พวกนักปกป้องสิทธิฆาตกรเหี้ย ๆ"
หรืออีกคำถาม
"พวกนักคุ้มครองสิทธิ มึงกล้าเซ็นชื่อรับรองนักโทษคดีข่มขืนเป็นราย ๆ ไหม ว่าถ้านักโทษข่มขืนแต่ละรายที่นักสิทธิมนุษยชนเซ็นชื่อรับรอง เมื่อได้พ้นโทษออกจากคุกแล้วจะไม่ก่อคดีซ้ำอีก คือถ้านักโทษคนไหนก่อคดีซ้ำอีก ต้องลงโทษนักสิทธิมนุษยชนพร้อมกันด้วยเอาไหม ถ้าไม่กล้า ก็หุบปากไปซะ"
-------------
ดูตัวอย่างคดีไอ้หนุ่ยข่มขืนเด็ก มันก็ได้รับการลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
คลิกที่รูปเพื่อไปอ่านข่าวนี้
ท่านผู้พิพากษาคนไหน ตัดสินคดีนี้ขอรับ ท่านคิดไ้ง ถึงยอมลดโทษให้กับฆาตกรต่อเนื่องกับเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี นับสิบศพแบบนี้ได้ ??
-----------------
ถามว่า โทษประหารจะแก้ปัญหาข่มขืนหรืออาชญากรรมได้หรือไม่
ขอตอบว่า
มันคงแก้ไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็ทำให้คนยับยั่งชั่งใจได้มากขึ้น
เพราะเป็นไปตามหลักจิตวิทยาพื้นฐาน คนเราส่วนใหญ่จะกลัวโทษที่หนักขึ้น เช่น
ถ้าลงโทษคดีข่มขืนติดคุก 1 ปี กับลงโทษติดคุก 30 ปี แบบไหนจะทำให้คนเกรงกลัวและเกิดความยับยั้งชั่งใจได้มากกว่ากัน
แล้วอย่าเอาตัวเลขที่เก็บสถิติจากต่างประเทศมาใช้กับคนไทย เพราะคนไทยมีสันดานไม่เหมือนคนต่างชาติ มีหลายเรื่องที่ฝรั่งยังงง กับนิสัยคนไทย
นั่นเพราะคนไทยมักเป็นประเภทกลัวการลงโทษมากกว่าคนต่างชาติ
อย่างเช่นยุคจอมพลสฤษดิ์ ปัญหาอาชญากรรมก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เพราะคนไทยมักเป็นพวกที่เกรงกลัวบทลงโทษที่รุนแรงเฉียบขาด ขอเพียงให้กฎหมายมันศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ให้ได้เท่านั้นแหละ
หรือตัวอย่างในวันนี้ ยุค
คสช. ก็ทำให้บ้านเมืองมีระเบียบ สงบเรียบร้อยมากขึ้น นั่นเพราะคนไทยชั่ว ๆ ถ้าเจอการลงโทษเฉียบขาดจริง ๆ มักจะหงอ ดูซิ เช่น พวกชั่วรีบเอาอาวุธสงครามมาทิ้งเต็มบ้านเต็มเมือง
-----------
ย้ำว่า ผมไม่ได้ต้องการ ข่มขืน = ประหาร
เพราะบทลงโทษคดีข่มขืนอย่างเดียว ก็ควรนำแบบอย่างในต่างประเทศมาใช้ เช่น
ฉีดยาให้มันหมดสมรรถภาพทางเพศไปเลย เพราะมีหลายประเทศก็ใช้วิธีนี้ แล้วก็จำคุกไปตามกฎหมาย และห้ามขอพระราชทานอภัยโทษ
@@ ส่วนผู้หญิงเลว ๆ ที่คิดจะใช้ประเด็นข่มขืนเพื่อแบล็คเมล์ผู้ชาย หรือใช้ใส่ร้ายผู้ชาย ผู้หญิงเลว ๆ ที่คิดใช้กฎหมายข่มขืนทำร้ายคนอื่นด้วยวิธีนี้ ผู้หญิงพวกนี้ก็ควรโดนกฎหมายลงโทษให้หนักกว่าเดิมเช่นกัน @@
ส่วน
คดีข่มขื่นแล้วฆ่านี่สิ ที่ควรให้มีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต !!
เพราะเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ และได้ลดโทษกึ่งหนึ่งแล้ว ก็ไม่ควรให้ได้สิทธิรับการพระราชทานอภัยโทษอีก และต้องโดนฉีดยาให้อัณฑะฝ่อจนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปด้วยเช่นกัน
------------
ประเทศไทยทดลองใช้กฎหมายแบบหย่อนยานมาหลายปีแล้ว ก็ไม่ได้ผล ยิ่งแย่ลง
ต่อไปนี้ ลองหันมาใช้กฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ สัก 20 ปีดูซิว่า มันจะดีขึ้นไหม
โทษประหารชีวิตกับคดีฆ่าข่มขืนมีอยู่ แต่ไม่ใช้มาหลายปีแล้ว แทบไม่มีการประหารในประเทศไทยเลย ในช่วง 10 ปีมานี้
ต่อไปนี้ก็ลองใช้โทษประหารจริง ๆ ไปสัก 20 ปีแล้วมารอดูผลกันว่าจะดีขึ้นไหม
-------------------------
ต่อไปนี้เอาฮา แต่ไม่ไร้สาระ !!
คดีฆาตกรข่มขืนแล้วฆ่าเหยื่อ ควรตัดสินแบบนี้
ศาล ขอตัดสินให้ ใช้ M16 ยิงเป้าจำเลย 100 นัด แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึง
ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงเหลือยิงเป้าจำเลย 50 นัด
ส่วนคดีข่มขืน แต่ไม่ฆ่าเหยือ ต้องตัดสินแบบนี้
ศาล ขอตัดสินให้ ตัดอวัยวะเพศของจำเลยทิ้งทั้งหมด แล้วจำคุกอีก 20 ปี แต่เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลจึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง
คงเหลือตัดอวัยวะเพศของจำเลยออกครึ่งลำ แล้วคงเหลือจำคุก 10 ปี
55555 / ผู้พิพาษา akecity
-----------------
คิดในมุมมองใหม่ กับการประหารนักโทษ
ผู้พิพากษา akecity
"ขอตัดสินให้ส่งนายวันชัย นักโทษคดีฆ่าข่มขืนบนรถไฟ ไปให้ท่านพญามัจจุราชพิจารณาลงโทษต่อแล้วกัน"
นักโทษวันชัย จึงถามผู้พิพากษา akecity ว่า "
แล้วผมจะถูกส่งไปให้ท่านพญามัจจุราชด้วยวิธีไหนครับท่านศาลที่เคารพ"
ผู้พิพากษา akecity
"ศาลให้สิทธิเจ้าได้มีโอกาสเลือกด้วย
1 ไปด้วยตัวเจ้าเอง ภายใน 1 วัน ไม่เช่นนั้น จะเจอข้อสอง
2 โดนบรรดานักโทษคนอื่น ๆ ร่วมช่วยกันส่งเจ้าไปให้ท่านพญามัจจุราชแทน"
5555555555
--------------
แล้วนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย
มึงก็ไม่รู้จักคำว่า
ความเสียสละแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหารสูงสุดหรือไง
การลาออกของมึง เขาไม่เรียกว่า
การหนีปัญหา แบบที่มึงอ้างแถ ๆ
แต่มันคือ การแสดงความรับผิดชอบของผู้นำสูงสุดในองค์กร ที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไม่น่าให้อภัย
การที่มึงอ้างจะติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม จะเพิ่มโน่นเพิ่มนี่ เขาเรียกว่า
วัวหายล้อมคอก ซึ่งถ้าเป็นในประเทศที่เจริญแล้ว ผู้นำองค์กรเขาต้องลาออกไปแล้ว
สังคมไทยยังมีคนที่มีความสามารถในการแก้ปัญหาอีกหลายคน แต่หาคนที่แสดงความรับผิดชอบนี่สิ หายากชิหาย
อย่าหน้าด้านอยู่อีกเลย เพราะคนที่แก้ปัญหาได้ ไม่ได้มีแต่มึงคนเดียวเท่านั้นในประเทศนี้
----------------------
ดูดูนายประภัสร์ มันตอบนักข่าว
นักข่าว ถาม อยากรู้ว่าตอนนี้คุณกล้าให้ลูกสาวขึ้นรถไฟตู้นอนไหม ?
นายประภัสร์ "ผมเชื่อว่ารถไฟต้องมีมาตรการให้คนเกิดความประทับใจ แต่ถ้าถามว่าผมให้ลูกสาวขึ้นรถไฟไหม ผมคงไม่กล้าเหมือนกัน เพราะมันต้องมีอะไรที่ชัดเจน ผมถึงได้บอกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าให้ผู้ว่าการฯ ลาออก ไม่ใช่ว่าน้องแก้มเสียชีวิตแล้ว เรื่องจะจบหรือทุกๆ คนก็ลืมกันไป มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะฉะนั้นผมถึงเรียนว่าเรื่องสำคัญที่สุดคือ ต้องมีมาตรการที่ทำทุกคนเกิดความมั่นใจว่าขึ้นรถไฟแล้วจะมีความปลอดภัย ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีก"
เหอะ ๆ ขนาดผู้ว่าการรถไฟยังไม่กล้าให้ลูกสาวใช้บริการรถไฟที่ตัวเองบริหาร แล้วยังจะหน้าด้านไม่ลาออกอีกเรอะ ??
ขนาดคนเป็นผู้ว่าการรถไฟฯ ยังไร้ความรับผิดชอบขนาดนี้ ก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมมีพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย ถึงได้ก่อคดีข่มขืนได้
ก็มันห่วยตั้งแต่ผู้บริหารแล้วนี่เอง
-------------
ล่าสุด ได้มีผู้บาดเจ็บเพราะรถไฟไทยออกมาร้องเรียนความยุติธรรมอีกราย
รู้สึกละอายแก่ใจบ้างรึยัง ประภัสร์ !?
หรือว่าอย่างหนา !!
คลิกอ่าน อุทาหรณ์คดีฆ่าน้องยิ้ม กับความห่วยกระบวนการยุติธรรมไทย