วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความขัดแย้งเรื่องเครื่องสูบน้ำ ศปภ.vs กทม.

-->





ก่อนอื่นต้องขอย้ำเรื่องนึง ที่หลายคนอาจไม่รู้

ผู้ว่าฯกทม. ย้ำมาหลายครั้ง เป็นเวลานานแล้วว่า ระบบการระบายน้ำของกรุงเทพฯ ถูกออกแบบมาเพื่อระบายน้ำฝนที่ตกหนักเท่านั้น (ถึงมีการสร้างอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ขึ้น) ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อระบายน้ำเหนือ!!

ผู้ว่าฯพูดแล้วพูดอีก พูดจนหน้าดำเป็นท่านเปาบุ้นจิ้นแล้ว แต่นายกฯปูนิ่มก็ทำเป็นเหมือนไม่เคยได้ยิน ยังคงเฉยเมยเชิดใส่ผู้ว่าฯต่อไป อาจเพราะความที่ท่านผู้ว่าฯท่านเป็นผู้ดีเกินไป และคิดว่าฝ่ายโน้นจะฉลาดพอๆกับท่าน ท่านเลยพยายามบอกอ้อมๆให้ศปภ.และนายกฯปูนิ่มไปคิดต่อเอาเองว่า กทม.มีเครื่องสูบไม่พอที่จะรับน้ำเหนือ ศปภ.ลองใช้สมองต่อไปสิว่า ควรทำอย่างไร

แต่ศปภ.กับนายกฯปูนิ่ม ดันไม่มีสมองมากพอที่จะประมวลคำบ่นของผู้ว่าฯให้เข้าใจ พวกศปภ.และนายกฯปูนิ่มเลยดื้อตาใส ปล่อยน้ำเหนือผ่ากลางเข้ากรุงเทพ ทั้งๆที่ถ้าพยายามผันน้ำไปทางตะวันออกและตะวันตกก่อนหน้านี้สักเดือนให้เต็มที่ กรุงเทพฯไม่น่าท่วมหนัก แต่อย่างว่า สมองปูมันจะมีสักแค่ไหนกัน

-----------------

เมื่อน้ำเข้ากรุงแล้ว

ผู้ว่าฯกทม. จึงจำต้องร้องขอเครื่องสูบน้ำเพิ่มจากศปภ.ทั้งหมด60เครื่อง เพราะที่มีอยู่ไม่พอรับการระบายน้ำเหนือ กทม.จึงทำเรื่องผ่านมหาดไทย เพราะรมว.มหาดไทยเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นรองนายกฯ และเป็นที่ปรึกษาศปภ.

ซึ่งกรุงเทพมหานครก็เป็นหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับมหาดไทย แล้วหวังให้มหาดไทยช่วยไปประสานงานไปถึงกระทรวงเกษตร แล้วกระทรวงเกษตรช่วยสั่งการไปที่กรมชลประทานให้อีกที

มึนมั้ยครับ? ระบบราชการไทยอันแสนจะซับซ้อน

ถ้าผู้ว่าฯ อยู่ๆไปยืมกรมชลประทานโดยตรงเองเลย เดี๋ยวศปภ.จะเขม่นว่า ข้ามหน้าข้ามตา ข้ามขั้นตอน เดี๋ยวมหาดไทยจะบอกว่า ไม่เห็นหัวมหาดไทยเหรอ เดี๋ยวเกษตร จะบอกว่า ผู้ว่าฯกทม.หัดรู้ระบบราชการบ้าง

ก็เพราะผู้ว่าฯ ท่านรู้ระบบเชื่องช้าของราชการ พอทำหนังสือปุ๊บ ก็รีบให้สัมภาษณ์สื่อทันทีว่า ทำเรื่องขอยืมเครื่องสูบน้ำจากกรมชลประทาน เพราะถ้าไม่พูดให้สื่อรู้เดี๋ยวหนังสือราชการมันจะเดินเป็นปู ไปไม่ถึงไหน

แต่ก็อย่างว่า หลังทำหนังสือร้องขอไปแล้ว ถ้าผู้ว่าฯโทร.สายตรงไปถึงอธิบดีกรมชลเอง ก็น่าจะง่ายขึ้น แต่ที่มันไม่ง่าย เพราะทั้ง2หน่วยงานมีแนวทางแก้ไขน้ำท่วมขัดแย้งกันหลายเรื่องมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ เลยอาจเป็นเหตุผลให้ทั้งสองคนคงไม่อยากโทร.ตรงถึงกัน

ทีนี้พอผู้ว่าฯพูดออกสื่อไป แต่รอแล้วรอเล่า กรมชลก็ไม่ส่งเครื่องสูบมาให้ซักกะที จนกรมชลไประเบิดลงกับผู้ว่าฯ กันต่อหน้านายกฯปูนิ่มของเรา

กรมชลบอกว่า กรมชลยังไม่ได้รับหนังสือร้องขอจากกทม. และเมื่อไปตรวจสอบแล้ว พบว่า กทม.ดันทำเรื่องขอไปที่มหาดไทย

ฉะนั้นจะมาโทษกรมชลฯไม่ให้ยืมบ่ได้เด้อ!! และที่สำคัญกรมชลก็มีเครื่องสูบไม่พอกับที่กทม.ทำเรื่องขอมา

ผู้ว่าฯ ก็พยายามอดทนข่มใจจนหน้าที่ดำเริ่มจะแดง ตอบกลับอย่างช้าๆไปว่า "ผมยังรอเครื่องของท่านอยู่นะครับ ผมยังรออยู่นะครับ" (แต่ในใจท่านคงคิด เพราะeปูตัวเดียว ที่เฉยชามาตลอด)

ทีนี้ประธานการประชุม คือนายกฯปูนิ่ม ที่นั่งฟังหน่วยงานระบายน้ำฟัดกันเองจนเสร็จสิ้น จึงเพิ่งจะฉลาดขึ้น และเพิ่งจะนึกขึ้นได้ หลังจากที่ทำหูทวนลมมานาน ว่า กทม.มีเครื่องสูบน้ำไม่พอรับน้ำเหนือ จำต้องสั่งให้ศปภ.หาเครื่องมาช่วย

จนเป็นเหตุให้ต่อมา ศปภ.เพิ่งจะประกาศขอยืมจากเอกชน เพราะรอที่สั่งซื้ออาจไม่ทันการณ์ (ที่ไม่ทันการน่ะเพราะพวกเอ็งนั่นแหล่ะ ช้าสุดๆ)

---------------------

ยงยุทธ แขวะกทม.ทำไมไม่ซ่อมเครื่องสูบ (ข่าวจากเนชั่น)

7พ.ย.54 เมื่อถามว่า ปัญหาความขัดแย้งของระหว่างกทม. และกรมชลประทาน ในเรื่องเครื่องสูบน้ำที่กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รวบรวม นายยงยุทธ กล่าวว่า หน้าที่ทั้งหมดในกรุงเทพฯ เป็นเรื่องของกทม. โดยสมบูรณ์ รัฐบาลจะเข้าไปยุ่งหรือแทรกแซงไม่ได้ แต่จะเข้าไปช่วยเหลือบ้างพอทำได้ แต่หน้าที่หลักอยู่ที่กทม. ส่วน ศปภ.เป็นเพียงตัวเสริมกทม. อีกครั้ง ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า กทม.ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งที่เครื่องสูบน้ำของ กทม.ก็มี แต่ไม่ซ่อมให้พร้อม เมื่อมีปัญหาจะมาเอาจากรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้

“ผมไม่ได้โยนปัญหาทุกอย่างใส่ กทม. ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้รวบรวมเครื่องสูบน้ำและแจกจ่ายไปยังต่างจังหวัดที่ประสบภัยที่ร้องขอเข้ามาตลอด กำลังมีการระดมเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมอีก” รมว.มหาดไทย กล่าว


สงสัยท่านยงยุทธจะสมองปูอีกคนละ กทม.เขาบอกตั้งนานแล้วว่า ระบบระบายน้ำที่มีอยู่มันไม่พอรับน้ำเหนือ พอให้เครื่องสูบที่มีอยู่น้อยนิดรับน้ำเหนือ เร่งสูบทั้งวันทั้งคืน มันก็พังนะสิครับท่าน

ถ้าท่านจัดหาเครื่องสูบมาช่วยกทม. เสียตั้งแต่เนิ่นๆ เครื่องมันคงไม่พังเยอะแยะขนาดนี้หรอก

ผมเคยอธิบายให้ฟังไปแล้วว่า หน้าที่ศปภ.คือจัดการให้น้ำหลบอ้อมกรุงเทพฯให้ได้ ถ้าทำให้น้ำหลบอ้อมกรุงเทพฯไม่ได้ ถือเป็นความบกพร่องของศปภ. ฉะนั้น ศปภ.ก็ต้องรับผิดชอบหาเครื่องสูบน้ำมาช่วยกทม. หรืออำนวยความสะดวกให้กทม.ทำงานได้โดยสะดวก

น่าเขกกระโหลกมท.1จริงๆ เลยว่ะ สมองปูทั้งนายกฯ ยันรองนายกฯ ถ้าท่านยงยุทธเป็นนายที่ดี มีความเห็นอกเห็นใจลูกน้อง พอน้ำเข้ากรุงวันแรก ท่านยงยุทธควรถามลูกน้องสิครับว่า

"ท่านสุขุมพันธฺ์ น้ำเหนือเข้ากรุงมาแล้ว ศปภ.ยอมรับต้านไม่ไหวจริงๆ ถ้าคุณชายขาดเหลืออะไรที่จะให้รัฐบาลช่วย บอกผมโดยตรงเลยนะครับ ผมจะรีบจัดหาให้อย่างเร่งด่วน"

-------------------------

ดูตัวอย่างความเชื่องช้าของมท.1 

7พ.ย.54 เมื่อเวลา 14.00 น. กระทรวงมหาดไทยได้นำสื่อมวลชนนั่งรถเมล์ ของกระทรวงคมนาคม และต่อรถจีเอ็มซี ของทหารบก ไปยังพื้นที่หน้าห้างสรรพสินค้าไอทีสแควร์ ย่านหลัก 4 เพื่อแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัยในพื้นที่ดังกล่าว โดยนำอาหารมาจาก จ.ชลบุรี และประกอบอาหารในพื้นที่ด้วย
โดยในเบื้องต้นมีการแจ้งกำหนดการว่า นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะเดินทางมาแจกของด้วยตนเอง ในเวลา 14.00 น. แต่เมื่อถึงเวลา นายยงยุทธ ยังเดินทางมาไม่ถึง โดยมีการแจ้งว่า ทางจ.ชลบุรี ขอเลื่อนเวลา เป็น 15.00 น. เนื่องจากทางจังหวัดยังเตรียมของไม่พร้อม จนกระทั่งเวลา 15.00 น. นายยงยุทธ ก็ยังเดินทางมาไม่ถึง ขณะที่ประชาชนที่ทราบข่าวการแจกอาหารได้มารอรับอาหารเป็นจำนวนมาก แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ยอมแจก เพราะต้องการให้นายยงยุทธเป็นผู้มาแจก ทำให้ประชาชนที่ยืนรอรับอาหารต่างไม่พอใจ เนื่องจากต้องรอเป็นเวลานาน และเกรงว่าอาหารที่อยู่ในกล่องจะเน่าบูดเสียก่อนอย่างที่เคยประสบมาแล้ว

กระทั่งเวลา 16.00 น. นายยงยุทธ ได้เดินทางมาถึง โดยกล่าวปราศรัยกับประชาชนที่มารอรับสิ่งของว่า การนำอาหารมาแจกจ่ายในครั้งนี้ เพราะรัฐบาลเป็นห่วงประชาชนแม้เป็นพื้นที่ของกทม. ที่จะต้องดูแล แต่รัฐบาลทนที่จะเห็นกทม.แก้ไขปัญหาเพียงคนเดียวไม่ได้ จึงได้จัดครัวรัฐบาลออกช่วยเหลือประชาชน โดยได้รับความสนับสนุนจากจังหวัดชลบุรี ที่ได้นำอาหารมามอบให้กับประชาชนในครั้งนี้และจะช่วยเหลือต่อไปจนกว่าน้ำจะลด และการฟื้นฟูหลังจากนี้จะทำให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้อย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งหน้าที่ให้ความช่วยเหลือเป็นหน้าที่ของกทม. ของ สก. และสข. ที่คนกทม. เป็นผู้เลือกมา แต่กทม.ทำหน้าที่ไม่ไหว รัฐบาลจึงได้มาให้ความช่วยเหลือ


โห! ท่านมท.1 เอาดีใส่ตัวเอาชั่วให้คนอื่นเก่งเหมือนนะนี่

--------------------

ผู้ว่าฯกทม. ก็มีข้อเสีย

ที่จริงผมไม่อยากได้ผู้ว่าคนนี้หรอกครับ แต่ผมก็จำใจเลือก เพราะเสี่ยอ่างชูวิทย์แกถอนตัวไม่ลง

ผมเคยเขียนหลายครั้งในหลายแห่ง ว่า ถ้ามีอุโมงค์ยักษ์แล้ว แต่ถ้า กทม.ไม่เคยมาขุดลอกท่อระบายน้ำตามตรอกซอกซอยบ้าง อุโมงค์ยักษ์ก็มีประสิทธิภาพไม่เต็มที่ เพราะน้ำจะไปไม่ถึงอุโมงค์ง่ายๆ

อีกทั้งคนไทยนิสัยมักง่ายไม่เป็นรองใครในโลก ทิ้งขยะไม่เลือกที่ จิตสำนึกสาธารณะห่วยแตกตั้งแต่เด็กยันแก่

อย่างบ้านผมอยู่โชคชัย4 นับตั้งแต่หมดยุคผู้ว่าฯจำลอง และผู้ว่าฯพิจิตร แล้ว รถขยะก็ไม่มาเก็บทุกวันเหมือนยุคผู้ว่าทั้งสองคนนี้

แถมหลังจากยุคจำลอง และยุคพิจิตรมาแล้ว ผมจำไม่ได้จริงๆว่า นานแค่ไหนแล้วที่หน้าบ้านผม ไม่เคยมีนักโทษชั้นดีมาขุดลอกท่อ!!

----------------------

หมอเดาakecity ขอทำนายจุดหมายปลายทางของน้ำ

ผมakecity อยู่ย่านลาดพร้าว คาดการณ์ไว้ว่า จุดหมายปลายทางของน้ำบนถนนลาดพร้าวนั้น คาดว่าน้ำต้องการไปให้ถึงอิมพีเรียลลาดพร้าว เพื่อไปไล่เสนียดจัญไรที่นั่น แล้วน้ำจะหยุดไม่ไปลาดพร้าวต่อ

แต่น้ำจะเลี้ยวซ้ายเข้าถ.หลวงประดิษฐ์ จุดหมายที่ซอยโยธินพัฒนา3 ส่วนอีกด้านน้ำจากรามอิทราจะเข้าสู่ถ.ประเสริฐมนูญกิจ แล้วเข้าตีตลบหลัง โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ซอยโยธินพัฒนา3 เหมือนกัน

ส่วนน้ำทางด้านพหลโยธิน และด้านวิภาวดี ขอทำนายว่า มีจุดหมายปลายทางที่ราชประสงค์ เพราะน้ำต้องการไปล้างเลือดไพร่สถุลที่เคยเลอะเทอะเปรอะเปื้อนบนถนนเมื่อปีที่แล้ว



ถ้าน้ำเธอยังไม่เหนื่อยไปก่อน ก็อาจจะแวะไปเยี่ยมเยียนที่ทำเนียบ เพราะหน้าทำเนียบก็สกปรกเหลือเกิน



ปล. น้ำ คือชื่อเล่น ส่วนชื่อจริงของเธอคือ น้ำเน่า!!

หลายคนอาจสงสัยว่า em ball ได้ผลจริงหรือไม่? akecity ขอแนะนำให้ทดลองแบบคิดนอกกรอบ คือให้นำem ball ใส่ลงในน้ำสะอาด ทิ้งไว้7วันแล้วดูผลว่าน้ำจะเน่าหรือไม่?

ถ้าน้ำสะอาดที่ใส่em ball ไม่เหม็น แปลว่าไม่เน่า ก็แสดงว่า em ball สูตรนั้นใช้ได้ ^^


คลิกอ่าน ช่วยเชื่อหน่อยเถอะ นายกปูไม่ได้โง่จริงๆนะ


3 ความคิดเห็น:

  1. เทวดาท่านมองลงมาเห็นเสื้อแดงเต็มกรุงแล้วเห็นเลือดเต็มพื้น ต่อมาไฟมันก็ไหม้เมืองกรุงอันเป็นเมืองหลักของไทย ท่านจึงส่ง EMS ซึ่งเป็นน้ำเหนือเย็น ๆ ช่วยดับไฟร้อน และช่วยล้างเลือดชั่วของคนสิ้นคิด ใครเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ?

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณท่านผู้ว่ากทม.ที่ทำให้น้ำท่วมกรุงเทพฯจะได้ล้างEพวกคนรวยที่คิดว่ามีสมองเป็นชนชั้นสูง ให้มันรับชะตากรรมซะบ้าง

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ17 ธันวาคม 2554 เวลา 11:42

    ผู้่ว่า ออกทางทีวีบอกว่า คนกทม.ให้ฟังผมคนเดียว

    แค่นี้ก็บอกได้หรือไม่ว่าท่านเป็นผู้ดีประเภทไหนกันแน่

    เครื่องสูบน้ำก็เพิ่งจะมาขอเอาตอนที่กั้นน้ำท่วมไม่อยู่แล้ว ถึงค่อยคิดมาสูบกัน

    ก่อนหน้านี้ครั้งแรกฝนตกหนักแค่วันเดียวน้ำท่วมหนัก ปรากฎว่าผู้ว่าฯ บอกว่าเครื่องสูบน้ำเสียยังไม่ได้ซ่อม

    น้ำท่วมคราวนี้ต้องรับผิดร่วมกันทั้ง มท. และผู้ว่าฯ คนเขียนกระทู้นี้ลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าจะว่าตำหนิจริงๆ ควรตำหนิกันทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะผู้ว่าฯที่อ้างว่าให้ฟังผมคนเดียว สมควรที่จะกล้ารับผิดชอบน้ำท่วมกทม.คนเดียวหรือเปล่า ควรตอบให้ชัดๆ

    ตอบลบ

ร่วมฮาแม้วจรจัด!! ถ้าไม่ชอบก็ผ่านไป ถ้าชอบใจก็ขอเสียงเชียร์ และขออภัยหากทำให้พวกคาราบาวแดงกระอัก ^^