วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555
วิเคราะห์คำโกหกจากหนังสือจับเข่าคุุยทักษิณ
เชื่อว่าคุณผู้อ่านของผมคงได้อ่านบทความเรื่อง จับเข่าคุย "ทักษิณ ชินวัตร" เรื่อง "พล.อ.เปรม" ครั้งแรกที่ "ทักษิณ" ยอมรับความผิดพลาดหลายเรื่อง !! ในมติชนออนไลน์กันแล้ว
แต่ถ้าใครยัง ก็ให้ไปอ่านตามลิงค์นี้ http://bit.ly/HdkuwE
ผมจะขอยกมาเฉพาะเนื้อหาสำคัญ คือ
ในหนังสือเล่มนี้ เป็นครั้งแรกที่ "ทักษิณ" ยอมรับความผิดพลาดของตนเองหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นกรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
หรือการลุแก่อำนาจในช่วงครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
"แนวโน้มที่คุณจะใช้อำนาจในการกำจัดบางสิ่งบางอย่าง นั่นคือ เหตุผลของการกำเนิดความเป็นเผด็จการ...เมื่อคุณอยู่ในอำนาจยาวนานเกินไป"
เป็นครั้งแรกที่ "ทักษิณ" ยอมรับว่าตนเองใช้ "อำนาจ" มากเกินไป
"ทอม เพลต" ไม่พลาดที่จะถามถึงเบื้องหลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
และนี่คือ คำตอบของ "ทักษิณ"
"ท่านเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดในคณะองคมนตรี ท่านมีอิทธิพลต่อนายกรัฐมนตรี "คุณทำอย่างนี้ คุณต้องไม่ทำอย่างนั้น" และเขาสามารถบอกผู้บัญชาการกองทัพบก และกองทัพอากาศ ว่า "คุณควรทำอย่างนั้น คุณไม่ควรทำอย่างนี้"
(หมายเหตุ องคมนตรีไม่มีอำนาจใดๆ เป็นแค่ที่ปรึกษาส่วนพระองค์เท่านั้น)
ในช่วงรัฐบาลของผม ก่อนที่ผมจะถูกขับไล่ ท่านซึ่งอายุกว่า 80 ปี ใส่เครื่องแบบทหารเยี่ยมโรงเรียนทหารทุกแห่ง และกล่าวปาฐกถา ในปาฐกถาครั้งหนึ่ง ท่านเปรียบเปรยว่า "สถาบันทหารไทยเป็นเหมือนม้า ม้าไม่ต้องฟังเสียงของจ็อกกี้" ท่านกำลังให้สัญญาณต่อทหารว่า อย่าฟังนายกรัฐมนตรี"
ทอม : "ก่อนจะมีการรัฐประหาร"
ทักษิณ : "ก่อนการรัฐประหารไม่นาน"
ทอม : "ว้าว...นั่นคือ สัญญาณ"
ทักษิณ : "เป็นสัญญาณ ท่านไปยังโรงเรียนทุกแห่ง ...ทหารบก เรือ อากาศ"
ทอม : "แต่รัฐธรรมนูญไทยที่ใช้อยู่ในขณะนั้น ปี 1997 ไม่ได้ระบุหรือว่าทหารขึ้นกับอำนาจของพลเรือน?"
ทักษิณ : "ตามรัฐธรรมนูญ ทหารอยู่ภายใต้กระทรวงกลาโหม และเมื่อกระทรวงกลาโหมอยู่ใต้นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีจึงควรจะบังคับบัญชาเหล่าทัพ"
ทอม : "สิ่งที่เขาพูดจึงเป็นการปลุกปั่น"
ทักษิณ : "ถูกต้อง"
และอีกช่วงหนึ่ง
ทอม : "คนคนเดียวนอกจากท่านแล้วที่เป็นจุดเปลี่ยนในสถานการณ์บ้านเมืองเห็นจะเป็น พล.อ.เปรม"
ทักษิณ : "ใช่"
ทั้งหมดเป็นบทสัมภาษณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2553
อีกเรื่องหนึ่งที่ "ทักษิณ" พูดตรงๆ เป็นครั้งแรก!?
นั่นคือ การเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนการเลือกตั้งในเดือนเมษายน 2549 กราบบังคมทูลว่า จะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้พรรคไทยรักไทยจะชนะเลือกตั้ง
ทักษิณ : "ผมได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าหากประชาชนเลือกผมเข้ามา ผมจะไม่เป็นนายกรัฐมนตรี"
ทอม : "นั่นคือสัญญาของท่าน ถึงแม้ว่าพรรคจะชนะการเลือกตั้ง และโดยอัตโนมัติตามครรลอง ท่านจะต้องเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง"
ทักษิณ : "ถูกต้อง เพราะเหตุผลดังนี้ ผมจะเป็นผู้เปลี่ยนประเทศไทยอย่างมาก พวกที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการให้ผมอยู่ ผมเข้าใจเรื่องนี้ดี และเมื่อผมเข้าใจ ผมกราบบังคมทูลว่าผมจะไม่เป็นนายกรัฐมนตรี"
ทอม : "ท่านหมายความว่าท่านได้กลายเป็นสายล่อฟ้าทางการเมือง?"
ทักษิณ : "อาจเป็นได้ จึงเป็นที่มาที่ผมมีความคิดขัดแย้งในใจ จะเกิดการรัฐประหารหรือไม่เกิด ผมต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงตามครรลองประชาธิปไตยที่สงบ ผมหวังว่าช่วงเปลี่ยนผ่านจะนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ และแม้ผลการเลือกตั้งจะปรากฏว่าพรรคชนะ ผมก็จะไม่รับตำแหน่งนายกฯ"
---------------------------------
กลยุทธพูดจริง เพื่อสนับสนุนคำโกหก
สิ่งที่ทักษิณใช้ในการให้สัมภาษณ์แก่สื่อต่างประเทศ เขาเรียกว่า กลยุทธพูดจริง เพื่อสนับสนุนคำโกหก
ทักษิณไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของตัวเองมาตลอด แต่ที่เพิ่งจะยอมรับในคราวนี้ เพราะนั่นเป็นการยอมรับความจริง เพื่อที่จะใส่ร้ายพลเอกเปรมให้ดูน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น
ก็อย่างที่ผมเคยเล่า พลเอกสนธิและผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคน ถูกเลือกขึ้นมาโดยทักษิณ คัดเอานายพลที่เจี๋ยมเจี้ยม ไม่มีอำนาจบารมีในกองทัพ มารับตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ เพื่อที่จะไม่กล้าหือหรือกล้าล้มทักษิณ
ฉะนั้น เป้าหมายในการใส่ร้ายผู้อยู่เบื้องหลังรํบประหารต้องเป็นพลเอกเปรม จึงจะดูน่าจะเชื่อถือที่สุด ( คลิกอ่าน ฤา คมช.รัฐประหารเป็นแผนทักษิณ)
ส่วนหนึ่งของคำพูดของพลเอกเปรมที่โรงเรียนนายร้อยจปร.คือ "ทหารแทนคุณแผ่นดิน เพราะเป็นทหารของชาติและพระเจ้าแผ่นดิน รัฐบาลเป็นเพียงผู้ดูแลเท่านั้น เปรียบเหมือนจ๊อกกี้ ที่มาแล้วก็ไป"
เหตุที่พลเอกเปรม เดินสายพูดเรื่องทหารเป็นม้าที่รับใช้แผ่นดินนั้น ทักษิณพูดความจริงแค่ด้านเดียว คนที่ไม่ได้ตามข่าวมาตลอด หรือชาวต่างชาติที่ไม่ได้รู้ภาษาไทยดีพอ ย่อมไม่ทันลูกไม้นี้ของทักษิณ
เพราะความจริงแล้ว พลเอกเปรม ท่านเดินสายพูดเรื่องการคอรัปชั่นของนักการเมือง ทหารมีหน้าที่ปกป้องชาติ ถ้านักการเมืองคอรัปชั่นสั่งทหารให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทหารก็ต้องไม่ทำตาม
อย่างที่นายชวน หลีกภัย เคยพูดถึงกรณีที่พลเอกเปรมพูดที่โรงเรียนนายร้อยในวันนั้นว่า
"เรื่องนี้ พล.อ.เปรมพูดหลายครั้งแล้ว และได้ย้ำว่าข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ใช่เฉพาะทหาร ข้าราชการ ฝ่ายอื่นก็ถือว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติหน้าที่ ข้าราชการจำเป็นต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล แต่ว่าไม่ต้องรับใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
ที่ผ่านมารัฐบาลเคยมีนโยบายไม่พัฒนาจังหวัดที่ไม่เลือกพรรคไทยรักไทย แต่ประชาชนทุกคนในทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเลือกพรรคใดก็เป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชน อย่าเลือกปฏิบัติ แม้ว่าการพูดของ พล.อ.เปรมในครั้งนี้จะไม่ได้พูดถึงข้าราชการ แต่ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา พล.อ.เปรมก็ย้ำถึงข้าราชการมาตลอด เพราะมีแนวโน้มว่าการเมืองได้ใช้ข้าราชการเพื่อประโยชน์ในทางการเมืองมากกว่า"
ที่จริงเรื่องนี้ถือเป็นจริยธรรมของข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเลยก็ว่าได้ คือหน้าที่ของข้าราชการคือต้องรับใช้ประชาชนของในหลวง ไม่ใช่มีหน้าที่รับใช้นักการเมืองทรราช!!
แม้ข้าราชการต้องทำตามนโยบายของนักการเมือง แต่ข้าราชการที่ดีก็ต้องมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ต้องปกป้องผลประโยชน์ของชาติและประชาชนด้วย และต้องไม่ให้นักการเมืองชั่วมาบงการทำในสิ่งผิดได้
----------------------
ทักษิณดึงเบื้องสูงมาเกี่ยวอีกแล้ว ทักษิณมันเลวจริงๆ
ทักษิณเคยประกาศว่า จะไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แม้พรรคไทยรักไทยจะชนะก็ตาม นั่นเพราะทักษิณมั่นใจว่า แม้ตัวมันจะไม่เป็นนายก ก็สามารถบัญชาการนายกหุ่นเชิดอยู่หลังม่านได้
4 เม.ษ.49 ทักษิณแถลงการณ์ผ่านทีวีพูล ประกาศออกทีวีต่อประชาชนว่า จะไม่รับตำแหน่งนายกอีกหลังการเลือกตั้งปี49
ซึ่งในตอนนั้นทักษิณไม่เคยพูดเลยว่า ได้เคยเข้าเฝ้าเพื่อกราบทูลเรื่องนี้ให้ทรงทราบเลย เพราะพูดออกทีวีแบบนั้นเขาก็รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว
แต่การให้สัมภาษณ์ของทักษิณต่อสื่อฝรั่งในคราวนี้ ทักษิณบังอาจอ้างว่า เคยกราบทูลต่อในหลวง ว่าจะไม่รับตำแหน่งอีก
นี่เป็นการบังอาจอ้างเอง โดยที่ไม่มีใครรู้ความจริง และในหลวงก็ทรงไม่มีโอกาสมาทรงชี้แจงคำกล่าวอ้างของทักษิณว่าจริงหรือไม่??
เรื่องบางเรื่องที่อาจทำให้พระองค์ทรงเสียหายได้ พสกนิกรที่จงรักภักดีย่อมไม่พึงกระทำ ควรเลี่ยงที่จะอ้างถึงดีกว่า
แต่การที่ทักษิณกล่าวอ้างถึงเบื้องสูงเช่นนี้ เป็นการกล่าวอ้างที่เลวมากๆ เจตนาพูดชี้นำให้กระทบสถาบันฯอีกแล้ว อย่างไม่ต้องสงสัย เพื่อให้ประชาชนโง่ๆ มีอคติต่อสถาบันมากขึ้นไปอีก
---------------------
ถึงจริงก็มิบังควร
อั้ยทราชทักษิณ สมมุติว่าเมิงได้เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลเรื่องนี้ต่อพระองค์ท่านจริงๆ แต่เรื่องนี้ถือเป็นความใน ไม่ควรมาไขในที่แจ้ง เพราะในหลวงทรงอยู่เหนือการเมือง ทรงอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง พระองค์ไม่ทรงอยู่ในฐานะมาทรงชี้แจงได้
อั้ยทักษิณ เมิงกระทำเจตนาชั่วๆ แบบนี้หลายครั้งหลายหน จนกรูมั่นใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า เมิงเป็นหัวหน้าขบวนการพวกชั่วจริงๆ
----------------------
ทำไมหนังสือจับเข่าคุยทักษิณ ต้องมาออกในช่วงนี้?
ทั้งๆที่ พรรคเพื่อไทยของทักษิณพยายามจะปรองดอง แต่กลับปล่อยหนังสือเล่มนี้ออกมาโจมตีใส่ร้ายพลเอกเปรมซ้ำอีก ซึ่งสาเหตุผมเคยเขียนไว้แล้ว ในบทความเรื่อง บังสนธิ เสธ.หนั่น คางคกตู กับ แผนปรองดองกำมะลอ ลองกลับไปอ่านดู
หนังสือจับเข่าคุยทักษิณ มันได้ใช้แผนแสร้งยอมรับความผิดของตัวเอง เพื่อทำให้คำพูดมันดูน่าเชื่อถือมากขึ้นในการใส่ร้ายพลเอกเปรมอีกครั้ง แถมยังใช้วิธีการกระทบไปที่เบื้องสูงด้วยว่า
มันได้กราบทูลแล้วว่าจะไม่เป็นนายกอีก มันต้องการสื่อให้พวกโง่ๆ หลงเข้าใจผิดคิดไปว่า เมื่อทักษิณมันกราบทูลแล้ว มันจะต้องปลอดภัยจากการถูกรัฐประหาร เป็นการพูดเพื่อดึงพระองค์ให้มาพัวพันกับความขัดแย้งแท้ๆ มันตั้งใจให้คนเข้าใจได้สองทางว่า อาจไม่ใช่พลเอกเปรมที่อยู่เบื้องหลังรัฐประหารก็ได้ ??
เพราะเมื่อพลเอกเปรม เป็นองคมนตรี เป็นประธานที่ปรึกษาของในหลวง การที่มันอ้างว่าได้กราบทูลในหลวงแล้ว เจตนาของมันก็คือ ให้ร้ายสถาบันนั่นเอง
และในความเชื่อของผม ผมเชื่อว่า ทักษิณไม่เคยกราบทูลตามที่มันกล่าวอ้างแต่อย่างใด มันเป็นแค่แผนชั่วช้าสามานย์ของทรราชทักษิณนั่นเอง
ทักษิณ มันเลวที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศไทยจริงๆ
คลิกที่รูปเพื่อขยาย!!
1 เมษายน คือวันโกหก !!
----------------------
ดูทักษิณมันใช้วิธีพูดให้คนตีความใครคืออำมาตย์อย่างกำกวมเสมอ
คลิกอ่าน รางวัลเสียชาติเกิดอวอร์ด ของตุ๊กดี้(1)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ เอาใจผมไปเลยครับ
ตอบลบ